วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

ท่าทีแห่งชัยชนะ

ท่าทีแห่งชัยชนะ

“ความสุขไม่ได้เป็นเรื่องของความเฉลียวฉลาด อายุ หรือตำแหน่ง หากเป็นเรื่องของความคิดที่ถูกต้อง ความชื่นชมยินดีของคุณเชื่อมโยงโดยตรงกับความคิดที่ฝากไว้ในธนาคารความทรงจำของคุณ คุณถอนได้แต่สิ่งที่คุณฝากไว้นั้นออกมา”
รถของคุณจะมีสมรรถภาพอย่างไร หากคุณใส่แต่สิ่งสกปรกลงไปในถังน้ำมัน ชีวิตคุณก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
แต่คุณบอกว่า “ฉันมีปัญหามากมาย”
คุณไม่ได้มีปัญหามากกว่าคนอื่นหรอก คุณแค่คิดถึงปัญหาพวกนั้นบ่อยกว่า จงเปลี่ยนแปลงวิธีการคิด แล้วความรู้สึกของคุณจะเปลี่ยนไป

ฟป.4:8-9 ….ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้าสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู ... และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน

Starting Over/เริ่มต้นบนเส้นชัย

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

สาระดี ๆ ที่น่าอ่าน

สาระดี ๆ น่าอ่าน
ไฟ น้ำ และ ความไว้ใจ>มีเพื่อนรักอยู่ 3 คน คือ ไฟ - น้ำ และ ความไว้ใจ> >>>ทั้ง 3 ได้มาพบและพูดคุยกัน> >>>> >>>ไฟได้บอกกล่าวกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า> >>>"ถ้าหากฉันหายไป ให้สังเกตในที่ๆ มีควันฉันจะอยู่ที่นั่น "> >>>> >>>ส่วนน้ำนั้น บอกกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า> >>>"ถ้าหากฉันหายไป ให้สังเกตที่ๆ ต้นไม้เขียวชอุ่มและเจริญงอกงาม > >>>เพราะฉันจะอยู่ที่นั่น"> >>>> >>>ส่วนความไว้ใจ บอกกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า> >>>"หากฉันหายไป.......พวกเธอจะไม่มี วันได้พบฉันอีกเลย ..........."> >>>ไฟ ก็เปรียบเสมือนความหวัง ความมุ่งมั่นมานะ และพลังในการดำเนินชีวิต > >>>แม้มันหมดหรือดับไป> >>>........> >>>คุณยังอาจจุดประกายแห่งความมุ่งมั่นนั้นได้ ขอเพียงคุณมีแรงดลใจ > >>>(ควัน)> >>>> >>>น้ำ เปรียบเหมือน ความรัก ความอบอุ่น เป็นสิ่งชโลมจิตใจ > >>>ให้ชีวิตคงอยู่อย่างสดชื่น และมีชีวิตชีวา> >>>แม้คุณอกหักหรือผิดหวัง > >>>แต่ความรักก็ยังพร้อมจะเกิดขึ้นใหม่และเจริญงอกงามต่อไปได้เสมอ> >>>> >>>แต่ความไว้วางใจนั้น > >>>เป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับบุคคลอื่นๆ> >>>ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลูก คนรัก เพื่อน หัวหน้า หรือ ลูกน้อง> >>>> >>>ถ้าหาก...คุณสูญเสียความไว้ใจที่มีต่อบุคคลนั้นไป......> >>>คุณจะไม่พบมันอีกเลยในความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขา

ข้อแตกต่างระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า

>>>ข้อแตกต่างระหว่างเรา กับ "พระเจ้า"
คุณบอกว่า: "มันเป็นไปไม่ได้"> >พระเจ้าตรัสว่า: "ทุกอย่างเป็นไปได้" (ลูกา 18:27)> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันเหนื่อยเหลือเกิน"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะให้เจ้าได้หายเหนื่อย" (มัทธิว 11:28-30)> >> >> >คุณบอกว่า: "ไม่มีใครรักฉันเลย"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เรา...รักเจ้า" (ยอห์น 3:16)> >>>> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว"> >พระเจ้าตรัสว่า: "พระคุณของเรานั้นมีเพียงพอ" (2 โครินธ์ 12:9 & สดุดี 91:15)> >>>> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะนำย่างเท้าของเจ้า" (สุภาษิต 3:5-6> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันจะผ่านมันไปได้อย่างไร"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เจ้าจะเผชิญทุกสิ่งได้" (ฟิลิปปี 4:13)> >> >> >คุณบอกว่า: "ฉันทำไม่ได้"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เรา..ทำได้" (2 โครินธ์ 9:8)> >> >> >
คุณบอกว่า: "ไม่คุ้มเลย"> >พระเจ้าตรัสว่า: ผลที่ได้จะดีคุ้มค่าแน่นอน" (โรม 8:28 )> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราอภัยให้เจ้าเสมอ" 1 ยอห์น 1:9 & โรม 8:1)> >> >> >
คุณบอกว่า: มันเกินกำลังของฉัน"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นให้แก่เจ้าไม่ให้ขาดเลย" > >(ฟิลิปปี 4:19)> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉัน..กลัว"> >พระเจ้าตรัสว่า: เราไม่ได้มอบจิตที่ขลาดกลัวให้แก่เจ้า" (2 ทิโมธี 1:7)> >> >> >คุณบอกว่า: "ฉันท้อแท้ และกังวลใจ> >"พระเจ้าตรัสว่า: จงละความกระวนกระวายใจเอาไว้ที่เรา" (1 เปโตร 5:7)> >> >
คุณบอกว่า: ฉันไม่ฉลาดพอ"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราให้สติปัญญาแก่เจ้า" (1 โครินธ์ 1:30)> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย"> >พระเจ้าตรัสว่า: เราจะไม่ละเจ้า หรือทอดทิ้งเจ้าเลย" (ฮีบรู 13:5)

คู่มือการใช้ความรัก

ทางบริษัทขอขอบคุณท่านที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความรัก "Model Love" จากบริษัทเรา โปรดอ่านคู่มือการใช้งานนี้ให้เข้าใจก่อนที่จะใช้งาน 1.. สิ่งที่ท่านจะได้รับมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์นี้
(1.) หัวใจ 1 ชุด (2.) พลังงานความมั่นใจ 1 ก้อน (3.) แท่นชาร์จความจริงใจ 1 แท่น (4.) สายความซื่อสัตย์
1 เส้น -- อุปกรณ์เสริม "การให้อภัย" และ "การยอมรับซึ่งกันและกัน" ไม่ได้รวมมาในชุดพื้นฐานนี้ ท่านสามารถหาซื้อเพิ่มเติมได้ภายหลังจากตัวแทนจำหน่าย
2.. เริ่มต้นใช้งาน - เปิดหัวใจออกให้กว้างที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ใส่ความมั่นใจเข้าไปที่ด้านหลังเครื่อง ดูขั้วบวกขั้วลบให้ถูกต้อง หากท่านใส่ความมั่นใจผิดขั้ว มันอาจจะส่งผลให้เสียความมั่นใจ หรือไม่ก็มั่นใจเกินกว่าเหตุ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มันทำให้ระบบทำงานไม่สมบูรณ์ - วางหัวใจที่ใส่ความมั่นใจลงไปแล้วลงบนแท่นชาร์จความจริงใจต่อด้วยสายความซื่อสัตย์ จากนั้นชาร์จความจริงใจลงไปในหัวใจให้มากที่สุด - ในช่วงเริ่มต้นของความรัก ท่านอาจจะต้องใช้เวลาในการเติมความจริงใจนานกว่าปกติ เพื่อให้มีพลังไปหล่อเลี้ยงความมั่นใจได้เพียงพอในการเริ่มต้นใช้งาน ในการชาร์จครั้งแรก หากสายความซื่อสัตย์หลุด ระบบอาจจะเสียหายสมบูรณ์ได้
3.. วิธีใช้งาน - ง่ายๆ มอบหัวใจที่ใส่ความมั่นใจและความจริงใจลงไปเต็มแล้วให้แก่ใครก็ได้ที่คุณต้องการ ถ้าเขามีคลื่นความรักที่ตรงกับคุณ ความรักจะปรับจูนจนติด แค่เนี้ยะก็เสร็จแล้ว
4.. ข้อผิดพลาดและวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น (1.) ส่ง "ความรัก" ออกไปแล้วไม่ได้รับการตอบสนอง - การแก้ไข : ตรวจสอบว่าใส่ความมั่นใจลงไปแล้วหรือยัง ตรวจสอบว่าชาร์จความจริงใจลงไปเต็มที่แล้วหรือไม่ ตรวจสอบว่าสายความซื่อสัตย์นั้นต่ออยู่อย่างถูกต้องหรือไม่(2.) ทำความรักตกลงบนพื้น เกิดอาการช็อตและความร้อนขึ้น - ความรักที่ตกลงพื้นแล้วครั้งหนึ่ง อาจจะแก้ไขได้ด้วยอุปกรณ์เสริม "การให้อภัย" อย่างไรก็ตาม ความรักที่ตกพื้นแล้ว แม้ยังไม่แตก แต่ก็มีรอยร้าวเป็นตำหนิได้ และความมั่นใจอาจจะลดลงไปจนเกือบหมด ให้ชาร์จความจริงใจเพิ่มลงไปให้มากที่สุด โดยใช้ร่วมกับ "การให้อภัย" (3.) เกิดความต่างศักย์ระหว่างความรักมากจนไม่สามารถจูนคลื่นติดได้- ลองเปิดใจเพื่อจูนคลื่นใหม่ หากไม่ได้ผล ควรใช้อุปกรณ์เสริม "การยอมรับซึ่งกันและกัน" แต่หากใช้แล้วก็ยังไม่ได้ผลอยู่อีก ควรปิดสวิตช์ฉุกเฉิน "ตัดใจ" เพราะมิเช่นนั้น ความต่างศักย์อาจจะช็อตให้ความรักของคุณเสียหายได้
5.. ข้อจำกัดการรับประกัน บริษัทขอสงวนสิทธิในการไม่รับประกันหรือไม่รับซ่อมหัวใจที่เสียหาย ในกรณีที่ผู้ใช้พยายามนำความรักไปยัดเยียดให้บุคคลที่เขาไม่ต้องการ หรือพยายามจูนเข้ากับความรักที่ต่างศักย์กันมากๆ จนมีปัญหาเข้ากันไม่ได้ ความเสียหาย แตกหัก หรือการทำงานผิดพลาดของความรักในเหตุดังกล่าวนี้ ถือเป็นความบกพร่องของผู้ใช้งานเอง
6.. คำเตือน เคยมีรายงานว่า ความรักอาจจะมีผลกระทบทำให้คนตาบอด หูหนวก หรือตาฝ้าฟางได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็น ความรักอาจจืดจางได้ หากอยู่ห่างไกลด้วยระยะทาง หรืออยู่นอกพื้นที่บริการ หวังว่าทุกท่านคงมีความสุขกับผลิตภัณฑ์อันเป็นที่ภาคภูมิใจของเราของเรา...บริษัท "กามเทพ" จำกัด (The Cupid Inc.)

ความสำเร็จขึ้นอยู่กับอะไร

**ความสำเร็จขึ้นอยู่กับอะไร **

พวกเราคงได้ยินคำกล่าวว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ทีนั่น
คำกล่าวนี้เป็นความจริงส่วนใหญ่

แต่หลายท่านคงพบว่าบางคนแม้ใช้ความพยายามเต็มที่ก็ไม่อาจสำเร็จได้ ตลอดชั่วชีวิตของเขา เนื่องด้วยปัจจัยอื่นๆ

บางคนความตั้งใจของเขาเพิ่งกลายเป็นความจริงเมื่อเขาเสียชีวิตไปแล้ว
จึงมีคำพูดต่ออีกว่า ความคิดความตั้งใจเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จขึ้นอยู่ที่ฟ้าดินลิขิต

เศรุบบาเบลนำคนอิสราเอลพร้อมกับความตั้งใจเต็มเปี่ยม จะมาสร้างพระวิหารที่ถูกทำลาย เมื่อเขาสร้างจนถึงสมัยกษัตริย์ อารทาเซอร์ซีสของเปอร์เซีย ก็มีคำสั่งห้ามและหลายคนท้อใจคิดว่าคงทำไม่สำเร็จอย่างแน่นอน
ผู้ที่ให้กำลังใจและความเข้าใจที่ถูกต้องแก่เขาคือเศคาริยาห์ เขาบอกว่า ความสำเร็จของเราไม่ได้ขึ้นกับกำลัง ความตั้งใจเราฝ่ายเดียว แต่ขึ้นกับกำลังที่มาจากพระเจ้า ภูเขาใหญ่ที่เป็นอุปสรรคจะถูกขจัดไปโดยพระเจ้า

"มิใช่ด้วยกำลัง มิใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา...
โอภูเขาใหญ่ เจ้าเป็นอะไรเล่า ต่อหน้าเศรุบาเบล เจ้าจะเป็นที่ราบ" ศคย4:6

งานของเราหลายอย่าง ถ้าอยากให้ประสบความสำเร็จ เราต้องมีแนวคิดที่ถูก ไม่ใช่พึ่งกำลังของเราเองเป็นหลัก แต่กำลังเรามาจากพระเจ้า และถ้าอะไรที่เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า สิ่งนั้นจะสำเร็จได้โดยพระเจ้าและเพราะพระองค์จะทรงทำให้ภูเขากลายเป็นที่ราบ



**ทำไมเหนื่อย ทำไมเครียด**

ทุกวันนี้ในสถานการณ์ที่เร่งรีบ แม้แต่เวลารับประทานอาหารก็ต้องรีบ นักเรียนบางคนรับประทานข้าวไป อ่านหนังสือไป นักธุรกิจที่มีเงินมากแล้วที่น่าจะอิ่มอร่อยในอาหาร แต่ต้องมาใช้สมองเจรจาตกลงทางธุรกิจในเวลาอันควรมีความสุข
ที่เรายอมเป็นเช่นนั้นเพราะเราอยากได้บางสิ่งบางอย่าง เราจึงพยายามทำ ทำ ทำ หามรุ่งหามค่ำ

พระคัมภีร์ สดุดี 127:2 กล่าวว่า เป็นการเหนื่อยเปล่า ที่ท่านลุกขึ้นแต่เช้ามืด นอนดึก และกระหืดกระหอบกินอาหาร เพราะพระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์ ให้หลับสบาย

พระเจ้าอยากให้เรามีสภาพเป็นอยู่ที่ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าให้คนเรางอมืองอเท้าไม่ยอมทำอะไร ตรงข้ามพระเจ้าเตือนคนที่เกียจคร้านให้มีความขยัน แต่ให้ทำงานโดยไร้ความกังวลและจะทำให้นอนหลับสบาย

หลายคนเครียดเพราะไม่รู้ว่าสอบจะได้หรือไม่ หลายครั้งที่ต้องนอนดึก ตื่นแต่เช้ามืด หักโหมร่างกายเพื่องาน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ถูกต้องบางคนได้งานดี แต่เสียครอบครัวไป ชีวิตจึงไม่สมบูรณ์

พระเยซูตรัสในยอห์น10:10 ว่า ... เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และท่านจะได้อย่างครบบริบูรณ์

ถ้าท่านเชื่อข้อความเหล่านี้ อธิษฐานกับพระองค์ขอให้ท่านหลับสบาย ไร้กังวล และมีโอกาสลิ้มรสชีวิตที่บริบูรณ์.

แข็มแข็งในพระกาย

เข้มแข็งใน ‘ พระกาย ‘
จงกระตือรือร้นที่จะชุมนุมกันบ่อย ๆ ในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อท่านทำเช่นนั้น จงใช้เวลาทั้งสิ้นในการขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้า
ด้วยวิธีง่าย ๆ นี้ อำนาจของซาตานก็ถูกทำลาย เป็นการหยุดยั้งความพยายามสารพัดของมันที่จะทำร้ายท่านขณะที่ท่านดำเนินในหนทางแห่งชีวิต เพราะการเพ่งมองที่พระเจ้าจะนำท่านให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งจะทำลายความพยายามของซาตาน ที่ต้องการแบ่งแยกพระกายของพระคริสต์ ด้วยการถกเถียงกันในเรื่องไร้สาระ (เมื่อพวกท่านเสียเวลาทั้งหมดไปกับการโต้เถียงกัน ท่านก็กำลังมุ่งหน้าสู่ความพ่ายแพ้) เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ยินคำพยานเกี่ยวกับความเชื่ออันใสบริสุทธิ์ของผู้อื่น ท่านเองก็ได้รับการหนุนใจให้ตนเองมีความเชื่อที่เข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ความพยายามของซาตานที่จะแยกท่านออกจากพระเจ้า โดยใช้ความกลัวและความสงสัยก็จะถูกขจัดไปด้วย
ท่านจะสังเกตเห็นได้ว่า การสามัคคีธรรมฝ่ายวิญญาณช่วยเสริมสร้างจิตวิญญาณของท่านอย่างไร ถ้าท่านปรารถนาจะเติบโตสู่ความไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นในความเชื่อและความรักที่ท่านมีต่อพระเยซูคริสต์ ความเชื่อ... ความรัก... สองสิ่งนี้เปรียบเหมือนน้ำพุแห่งชีวิตสำหรับวิญญาณจิตของเรา
เราเริ่มต้นด้วยความเชื่อในพระเจ้า นั่นเป็นสิ่งดี และความเชื่อในพระเจ้าจบลงด้วยความรักที่มีต่อกันและกัน เมื่อสองสิ่งนี้เกิดขึ้นพร้อมเพรียงกัน พระเจ้าก็สถิต ณ ที่นั่นท่ามกลางพวกท่าน และผลที่ตามมาก็คือ สิ่งดีมากมายซึ่งหลั่งไหลมาจากความประเสริฐของพระองค์
ผู้ที่ปฎิญาณตนมอบชีวิตแด่พระคริสต์ จะเห็นได้เด่นชัดโดยการกระทำของเขา เพราะความเชื่อของเราไม่เหมือนความเชื่อของคนนอกศาสนา หรือผู้ไม่เชื่อ เราปฎิญาณความเชื่อของเราด้วยปาก แต่อย่าให้เรากล่าวแต่เพียงคำปฎิญาณอันว่างเปล่าเท่านั้น ให้เราเชื่อในจิตใจ และประพฤติตามด้วยความรัก
ดังนั้น ความเชื่อจึงอำนวยผลเป็นความรักเสมอ
อิกเนเชียส แห่งอันทิโอก
จดหมายถึงชาวเอเฟซัส

อะไรเป็นสาเหตุของสงคราม
และอะไรเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันในพวกท่าน...
จงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า
จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป
ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน...
พี่น้องทั้งหลาย อย่าใส่ร้ายซึ่งกันและกัน ผู้ใดที่พูดใส่ร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน
ผู้นั้นก็กล่าวร้ายต่อธรรมบัญญัติ
(ยากอบ 4:1,7,8,11)

พ่อที่ดีแบบพระบิดา

หนังสือ “พ่อที่ดีแบบพระบิดา” The Father Connection
(โดย Josh McDowell สำนักพิมพ์กนกบรรณสาร)

...จากการวิจัยทราบว่า ปัจจุบันคนหนุ่มสาวชาวอเมริกันมองเห็นเรื่องการ “ไม่ซื่อ” นี้เป็นหนทาง “สะดวก” ที่จะก้าวไปข้างหน้า พวกเขาใช้การโกหกเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความเด่นให้เพื่อนฝูงประทับใจ หรือเพื่อให้พ่อแม่ชมเชย พวกเขาไม่สนใจเลยว่าสิ่งที่ทำไปเป็นความผิด คงเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีใครเห็นผลทางร้ายๆ ของการพูดเท็จและหลอกลวง และทำนองเดียวกัน พวกเขาก็ไม่ค่อยมองเห็นผลดีอะไรจากการเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตก็เป็นได้
...ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งถูกต้อง (และความไม่ซื่อสัตย์เป็นสิ่งผิด) เพราะพระเจ้าคือความจริงที่แท้แน่นอน ความจริงและสัจจะนี้ไม่ใช่เพียงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ และก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่พระองค์ทรงมี ทว่าความจริงเป็นส่วนหนึ่งของพระลักษณะของพระองค์เอง!
...พระองค์คือ “พระเจ้าผู้ไม่ทรงมุสาเลย” (ทิตัส 1:2) อัครทูตเปาโลกล่าวว่า เมื่อพระเจ้าทรงสัญญาแล้วย่อมเชื่อได้ เพราะว่า “พระเจ้าจะไม่ตรัสมุสา” (ฮีบรู 6:18) จูวีนัล กวีชาวโรมัน กล่าวไว้ว่า แม้ว่าโลกนี้จะไร้เสียซึ่งความสัตย์ ก็ยังมีความจริงแท้ที่ใหญ่ยิ่งและถาวร ซึ่งจะไม่ผันแปรหรือเปลี่ยนแปลงแน่นอน
เพราะพระเจ้าคือความสัตย์จริง การกล่าวเท็จจึงขัดกับพระลักษณะของพระองค์ เพราะพระเจ้า คือ ความสัตย์จริง การคดโกงใด ๆ ก็คือการดูหมิ่นพระองค์ เพราะพระเจ้าคือความสัตย์จริง การขโมยข้าวของจึงเป็นการลบหลู่พระองค์ พระเจ้าทรงความสัตย์จริงไม่มีสิ่งใดเป็นเท็จในพระองค์เลย ธรรมชาติหรือพระลักษณะอันทรงความสัตย์จริงของพระองค์ จึงเป็นตัวกำหนดให้ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่ดีงาม และความไร้สัตย์ ความเทียมเท็จ การคดโกงและ การลักขโมย เป็นสิ่งชั่วร้าย
พระเจ้าคือความสัตย์จริงและสิ่งใดที่เป็นเหมือนพระลักษณะของพระองค์ย่อมดีงาม และสิ่งใดที่ขัดกับพระลักษณะย่อมชั่วช้าทั้งสิ้น ตัวผมเองอยากจะเป็นพ่อที่เป็นดังภาพเหมือนหรือเงาสะท้อนของพระบิดาเจ้า และเช่นเดียวกัน ผมอยากให้ลูก ๆ ของผมสะท้อนพระลักษณะของพระองค์ด้วย คือมีความซื่อสัตย์สุจริต ถือมั่นในความสัตย์จริงทุกอย่าง และอยากให้ลูก ๆ เข้าใจด้วยว่า สุภาษิตดั้งเดิมที่ว่าความซื่อสัตย์คือนโยบายที่ดีที่สุดนั้นจริง และจริงอย่างยิ่ง เพราะว่าความซื่อสัตย์เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า และยังเป็นพระลักษณะของพระองค์อีกด้วย ดังนั้นเมื่อลูกมั่นคงในความสัตย์ก็ทำให้คนอื่นได้เห็นภาพสะท้อนของพระเจ้าในตัวลูกด้วย

ทัศนคติบอด

ทัศนคติบอด
ชนะโทรไปบริษัทนี้เป็นหนที่สองในรอบสัปดาห์นี้ บริษัทนี้เป็นลูกค้ารายใหม่ที่เขากำลังติดตามเรื่องอยู่ เสียงของโอเปอร์เรเตอร์ซึ่งรับสายด้วยเสียงที่เป็นมิตรและอ่อนโยนกล่าวว่า " สวัสดีคะบริษัทเอบีซีอิงค์ ยินดีต้อนรับคะ " คุณชนะกล่าวว่า " ผมขอเรียนสายกับคุณสมจิต ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์หน่อยครับ " โอเปอร์เรเตอร์กล่าวทักขึ้นมาว่า " นั่นคุณชนะใช่ไหมคะ" ชนะรู้สึกแปลกใจความสามารถในการจดจำเสียงของพนักงานคนนี้ได้ เขากล่าวตอบด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความประทับใจ " ใช่แล้วครับ ขอบคุณที่จำได้ครับ " เธอกล่าวว่า " ยินดีคะ ดิฉันจะโอนสายให้นะคะ "
หลังจากที่ชนะสนทนาเรื่องงานกับสมจิตจบ ชนะจึงถามสมจิตขึ้นมาว่า " คุณสมจิต ผมขอชม พนักงานรับโทรศัพท์ของคุณหน่อยครับ เธอเก่งจริงๆเลยที่จำเสียงผมได้ เป็นการให้บริการที่เกินความคาดหวังของผมจริงๆเลยครับ ผมเองไม่ได้เป็นลูกค้าประจำ และก็ไม่ได้โทรมาบ่อยๆ ขนาดที่เธอจะจำเสียงผมได้ด้วย เธอมีเคล็ดลับอะไรครับ "
สมจิตพูดว่า " เธอชื่อเรณูคะ เธอได้รับคำชมอย่างนี้บ่อยๆ หากคุณฟังเรื่องของเธอมากขึ้นกว่านี้คุณจะ ยิ่งประทับใจ สนใจฟังไหมละคะ"

ชนะรีบกล่าวตอบด้วยความกระตือรือร้นว่า " สนใจสิครับ ช่วยกรุณาเล่าให้ฟังหน่อยครับ "
สมจิตเริ่มต้นเล่าอย่างอารมณ์ดี " คุณเรณูเธอตาบอดคะ เธอจึงต้องอาศัยการฟังเพียงอย่างเดียว ทำให้เธอสามารถจดจำชื่อคนได้ดี เธออาศัยอยู่ที่สมุทรปราการและมาทำงานที่ออฟฟิศนี่ ซึ่งอยู่แถวดอนเมือง ซึ่งถือว่าไกลมากโดยเฉพาะสำหรับเธอ ซึ่งต้องเดินทางโดยรถเมล์เหมือนคนปกติ ส่วนใหญ่ก็ จะมีคนตาดีอย่างพวกเราที่คอยช่วยดูสายรถเมล์ และส่งเธอขึ้นรถให้ เธอไม่เคยมาสายเลย และก็ไม่เคยเรียกร้องขอรถรับส่งแต่อย่างใด ไม่เหมือนพนักงานปกติของพวกเราหลายคน ตอนที่เราย้ายสำนักงานจากในเมือง ต้องขอรถรับส่งให้ด้วย แถมหลายๆคนที่มีรถส่วนตัวก็ยังมาทำงานสาย พร้อมกับเหตุผลสารพัด คิดแล้วอายแทนคนตาดีเลยคะ "
เธอหยุดเว้นจังหวะสักครู่ก่อนจะเล่าต่อว่า " คุณเรณูมีทัศนคติที่ดีมากๆกับงานของเธอ เธอเคยเล่าให้ดิฉันฟังว่าสำหรับเธอแล้วการรับโทรศัพท์ไม่ใช่งานแต่มันคือชีวิต เงินเดือนที่บริษัทให้กับเธอ ทำให้เธอสามารถเลี้ยงตัวเอง และครอบครัวได้อย่างดี นอกจากนี้เธอยังมีเงินเหลือกว่าครึ่งสะสมไว้อีก ที่จริงแล้วเพื่อนคนตาดีหลายคนเคยหยิบยืมจากเธอในยามฉุกเฉิน
คุณเรณูกล่าวว่าบริษัทเรา เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า และสังคมมอบโอกาสให้เธอได้พิสูจน์ว่าเธอมีคุณค่าและสามารถมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับสังคมได้ เธอบอกว่าเธอพยายามทำงานของเธออย่างสุดความสามารถ ซึ่งรวมทั้งพยายามจำชื่อของผู้ที่โทรเข้ามาด้วย
เธอบอกว่าทุกคืนก่อนเข้านอน เธออยากรีบนอนไวๆ เพื่อจะได้รีบตื่นข ึ้นมาทำงาน เธออดใจรอจะมาทำงานไม่ไหว แหมอย่าหาว่าดิฉันบ่นเลยคะ แต่พวกตาดีๆอย่างพวกเรากลับภาวนา
ให้ถึงวันหยุดเร็วๆเสียนี่กระไร" สมจิตจบเรื่องด้วยเสียงหัวเราะเบาๆอย่างคนอารมณ์ดี
เมื่อชนะมาเล่าเรื่องนี้ให้กับผมฟังในรถระหว่างที่เราเดินทางไปพบลูกค้าที่นวนคร ผมจึงเสริมความเห็นของผมไปว่า " เราน่าจะเล่าเรื่องนี้ให้คนที่มาเข้าอบรม กับเราฟังบ้างนะ
บ่อยครั้งเรามักจะได้ยินคนบ่นว่างานหนัก หรือไม่ก็ปัญหาเรื่องงานมีมาก
สิ่งที่คุณเรณูมีแตกต่างกับเรา ไม่ใช่ว่าเธอตาบอดหรอกครับ ความจริงพวกเราต่างหากที่บอด
เราทัศนคติบอดไงละ เราได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมาย จากนายจ้างจนเคยชิน
กระทั่งมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านั้น
ยิ่งนานวันเรายิ่งเรียกร้องมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงปลายปีแบบนี้ ในขณะที่คุณเรณูกลับมองแตกต่างกับเราอย่างสิ้นเชิง บางคนเบื่องานจนอยากลาออกไปอยู่กับบ้านเฉยๆ
มัน ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของ Dr. Denis Waitley ผู้แต่งหนังสือขายดีชื่อ 'The psychology of winning' เขายกรายงานวิจัยในอเมริกาที่บอกว่าผู้เกษียณอายุออกจากงานไป
โดยไม่มีภาระกิจอะไรทำมีอายุเฉลี่ยเพียงแค่เจ็ดปีเท่านั้น พวกเขาตายเพราะความรู้สึก
ด้อยคุณค่า หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าเฉาตายนั่นเองครับ

เราบางคนมีโอกาสได้ทำงานในสิ่งที่ตนเองรักในขณะที่คนจำนวนมาก
ไม่มีโอกาสอย่างนั้น อย่างไรก็ตามเรามีสิทธิที่จะเปลี่ยนมุมมองโดย
หันมารักและหลงไหลในสิ่งที่เราทำได้ โดยไม่ต้องรอให้ตาบอดแบบคุณเรณูก็ได้ "

พระนามของพระเจ้า

พระนามของพระเจ้า My Father’s Names
Elmer L. Towns , สถาบันคริสเตียนศึกษาและพัฒนาคริสตจักร

พระนามของพระเจ้าที่ได้มีการกล่าวถึงในพระคัมภีร์เดิมนั้นมีความหมายว่าอย่างไรและพระนามเหล่านั้นจะสามารถนำคุณให้เข้าชิดสนิทกับพระบิดาในสวรรค์ได้อย่างไร
ขณะที่เราเรียนรู้พระนามของพระเจ้าและความหมายของพระนามเหล่านั้น เราสามารถเริ่มต้นในการรู้จักกับพระองค์ได้อย่างสนิทสนมมากยิ่งขึ้น เราจะพบว่าพระองค์ทรงมีพระประสงค์อะไรต่อเรา พระองค์ทรงสนองตอบต่อความต้องการของเราและให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างไร ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นวิธีการที่ล้ำลึกมากยิ่งขึ้นในการที่เราจะใกล้ชิดกับพระองค์ในการอธิษฐาน
องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าฯ ทรงเป็นพระผู้เลี้ยง : เยโฮวา โรอิ (Jehovah Roi) พระนามแสดงการทรงดูแลเอาใจใส่ของพระเจ้า
ในพระธรรมสดุดี 23 แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงดูแลเอาพระทัยใส่สิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับแกะของพระองค์
พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ : เอล ชัดดาย (El Shaddai) ผู้ทรงจัดสรรสิ่งจำเป็นสำหรับข้าฯ
พระเจ้าทรงเป็นทั้งผู้เข้มแข็งที่สามารถปลดปล่อยได้ และผู้ทรงเลี้ยงดูเราเหมือนกับมารดาที่เลี้ยงดูบุตรในอ้อมอกของเธอ
พระเจ้าผู้ทรงสูงสุด : เอล เอลยอน (El Elyon) ผู้ทรงครอบครองฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงอยู่ในระดับสูงสุด จึงไม่แปลกใจที่ซาตานปรารถนาจะช่วงชิงสิทธิและอำนาจที่อยู่สูงสุดเหนือสรรพสิ่งทั้งปวงนี้
พระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ : เอล โอแลม (El Olam) และนามที่แสดงการซ่อนเร้นของพระเจ้า
โอแลม คือ พระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ดังนั้นจึงส่งผลต่อประชากรของพระองค์ชั่วทุกยุคสมัย โอแลม ยังทรงเป็นพระเจ้าที่ล้ำลึกและทรงเป็นผู้บังซ่อนพระองค์เองไว้จากความคิดของคนทั่วไป
พระเจ้าผู้ทรงอำนาจ : เอล กิบบอ (El Gibbor) และนามต่าง ๆ ที่เข้มแข็งของพระเจ้า
ในสงครามพระเจ้าทรงเป็นนักรบ ในปัญหาพระองค์ทรงเป็นพระศิลา พระเจ้าจะทรงค้ำจุนเราทั้งหลายด้วยพระกำลังของพระองค์เองนอกเสียจากว่าเราจะยืนหยัดอยู่ในการวางใจในตัวเราเอง
กษัตริย์ : เยโฮวาห์ มีเลค (Jehovah Melek) นามที่แสดงถึงพระบัลลังก์ของพระเจ้า
พระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงพระกรุณา ทรงตั้งกฎเกณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประชากรของพระองค์ แม้ว่าเราจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นพระบิดาของเราก็ตาม พระองค์ก็ทรงสมควรได้รับการเชื่อฟังทั้งหมดจากเราในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์ด้วยเช่นกัน
พระผู้เป็นเจ้าแห่งกองทัพทั้งปวง : เยโฮวาห์ ซาบาห์โอท (Jehovah Sabaoth) พระนามพระเจ้าแห่งการรบ
พระเจ้าทรงเป็นผู้บัญชาการเหล่าทูตสวรรค์ ทรงเป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์ เราไม่ต้องกลัว เพราะพระองค์ทรงส่งทูตสวรรค์แห่งการอารักขามาปกป้องเราให้พ้นอันตรายและเราสามารถติดตามพระองค์เข้าสู่สงครามด้วยรู้แล้วว่ามีชัยชนะอย่างแน่นอน
องค์พระผู้เป็นเจ้า/องค์เจ้านาย : อโดนาย (Adonai) พระนามที่แสดงการนำหน้าของพระเจ้า
เราไม่เพียงรับใช้พระเจ้าเหมือนทาสที่รับใช้นายของเขาเท่านั้น แต่เรายังคาดหวังว่าพระเจ้าจอมเจ้านายจะทรงจัดเตรียมสิ่งเอื้ออำนวยต่าง ๆและเสบียงอาหารที่จำเป็นต่อเรา เพื่อเราจะสามารถกระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ได้สำเร็จ
พระเจ้า : เอโลฮิม พระผู้สร้างที่เข้มแข็ง
เอโลฮิมทรงเป็นพระเจ้าผู้เป็นแหล่งกำเนิดของสรรพสิ่งทั้งปวง พระองค์ทรงเป็นชีวิต ทรงเป็นบุคคล ทรงเป็นพระวิญญาณ ทรงดำรงอยู่โดยพระองค์เอง ทรงเป็นหนึ่งเดียว ทรงสภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลงและไม่มีที่ซึ่งจำกัด และเอโลฮิมในรูปที่เป็นคำพหูพจน์ ยังหมายความเป็นนัยถึง ตรีเอกานุภาพซึ่งหมายถึงพระเจ้าสามพระภาคที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
องค์พระผู้เป็นเจ้า : เยโฮวาห์ (Jehovah) พระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่โดยพระองค์เอง
เยโฮวาห์หรือยาเวห์ เป็นพระนามส่วนพระองค์ของพระเจ้าซึ่งชี้ให้เห็นว่าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ชั่วนิรันดร์ ทรงเป็นบ่อเกิดความเป็นนิรันดร์ของชีวิตทั้งปวง พระองค์ทรงเป็นผู้ซึ่งทรงเป็นอยู่ เป็นผู้ทรงดำรงอยู่โดยไม่ต้องพึ่งพิงสิ่งใดทั้งสิ้น
องค์พระบิดา : พระนามแสดงถึงพระเจ้าผู้ทรงอยู่ใกล้ชิด
พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์เหนืออื่นใด ในพระคัมภีร์เดิมทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวกับที่ทรงสำแดงออกในพระเยซูว่าทรงเป็นพระบิดาแห่งความรัก เราได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์แบบใกล้ชิดและเป็นครอบครัวเดียวกันโดยไม่ต้องกลัวที่จะอยู่ต่อหน้าพระองค์

รักใสใส

เรื่องมีอยู่ว่า.....
**ชายคนหนึ่งเคยลงโทษลูกสาววัย 5 ขวบของเขา เพราะนำเงินไปซื้อกระดาษห่อของขวัญสีทองม้วนหนึ่งซึ่งมีราคาแพง ในขณะที่การเงินที่บ้านฝืดเคือง และเค้าก็อารมณ์เสียอีกครั้งเมื่อลูกสาวของเขานำกระดาษสีทองราคาแพงนั้น มาห่อกล่องของขวัญเพียงเพื่อตกแต่งไว้ใต้ต้นคริสต์มาส แต่กระนั้น...ลูกสาวตัวน้อยก็ได้มอบกล่องของขวัญนั้นให้พ่อของเธอในเช้าวันรุ่งขึ้น และพูดว่า ' นี่สำหรับพ่อค่ะ ' พ่อของเธอกระอักกระอ่วนกับอาการที่ได้แสดงออกไปก่อนหน้านี้ แต่แล้วความโกรธก็ได้พุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งเมื่อ เขาพบว่ามันเป็นเพียงกล่องเปล่า เขาพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดว่า ' ลูกไม่รู้จริงๆอย่างนั้นหรือว่าการจะให้ของขวัญใคร มันจะต้องมีอะไรอยู่ในกล่องของขวัญด้วย ? ' เด็กน้อยมองไปที่พ่อของเธอด้วยน้ำตา และพูดว่า ' โอ...พ่อจ๋า ! มันไม่ใช่กล่องเปล่าเลย หนูเป่าจูบเข้าไปจนเต็ม ' ชายคนนั้นสะอึก ตัวชาด้วยความเสียใจ เขาทรุดตัวลงแล้วโอบกอดลูกสาวไว้แน่น เขาขอให้ลูกสาวยกโทษให้เขา กับท่าทางโกรธเกรี้ยวเกินเหตุของเขา ต่อมาไม่นานอุบัติเหตุก็ได้คร่าชีวิตลูก สาวของชายคนนั้นไป และว่ากันว่าเขาเก็บกล่องของขวัญสีทองล้ำค่านั้น ไว้ ข้างเตียงตลอดชีวิตของเขาเลยทีเดียว และเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกท้อแท้ใจ หรือต้องเผชิญกับปัญหาที่ยากเย็นแสนเข็น เขาจะเปิดกล่องใบนี้ เพื่อหยิบจูบในจินตนาการขึ้นมาหนึ่งจูบ แล้วรำลึกถึงความรักของลูกน้อย ที่ได้ใส่จูบนั้นไว้ให้เขา ในความเป็นจริง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง พวกเราทุกคนล้วนได้รับกล่องของขวัญสีทองซึ่ง บรรจุด้วยความรัก ที่ปราศจากเงื่อนไขและรอยจูบจาก ลูกๆ , ครอบครัว และ เพื่อนๆ ไม่มีสมบัติใด ล้ำค่าไปกว่านี้อีกแล้ว

**เพื่อนคือของขวัญ ผู้ซึ่งพยุงให้เรายืนขึ้นด้วยเท้า เมื่อปีกของเราไม่รู้ว่าจะบินอย่างไร มองโลกในแง่ดี และปฏิบัตดี ฉันขอขอบคุณสำหรับ.... สำหรับสามีที่นอนกรนทั้งคืน เพราะนั่นหมายถึงเขากำลังหลับอยู่ที่บ้านกับฉัน ไม่ใช่กับผู้หญิงอื่น สำหรับลูกสาววัยรุ่นที่กำลังบ่นเรื่องล้างจานอยู่ เพราะนั่นหมายถึงเธออยู่บ้าน ไม่ใช่ที่ถนน สำหรับภาษีที่ต้องเสีย เพราะนั่นหมายถึงฉันมีงานทำ สำหรับข้าวของต่างๆ ที่ต้องคอยเก็บหลังงานปาร์ตี้ เพราะนั่นหมายถึงฉันถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูง สำหรับเสื้อผ้าที่พอดีจนเกือบจะคับเกินไป เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีกิน สำหรับเงาที่คอยมองดูฉันทำงาน เพราะนั่นหมายถึงฉัน กำลังได้รับแสงแดด สำหรับพื้นที่ต้องคอยขัดถู และหน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด เพราะนั่นบ้านถึงฉันมีบ้านให้ดูแลรักษา สำหรับคำบ่นต่างๆ ที่มีต่อรัฐบาล เพราะนั่นหมายถึงเรามีอิสระ ในการที่จะแสดงความคิดเห็น สำหรับที่จอดรถที่อยู่ไกลสุดของลานจอดรถ เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถเดินได้ และฉันมีรถ สำหรับผ้ากองโตที่รอการซักรีด เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเสื้อผ้าสวมใส่ สำหรับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกสิ้นวัน เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถทำงานหนักได้ สำหรับเสียงปลุกในทุกๆ เช้า เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีชีวิตอยู่

อ้อมกอดพระบิดา


อ้อมกอดพระบิดา EXPERIENCING FATHER’S EMBRACE
By JACK FROST , สำนักพิมพ์แม่น้ำ

....รากฐานของความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับพระเจ้า คือ การตระหนักว่าเรา คือ ความคิดอันแสนสุขของพระองค์ และไม่ว่าเราจะพูดหรือทำอะไร ก็ไม่สามารถทำให้พระองค์เปลี่ยนความคิดนี้เกี่ยวกับเราไปได้ ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำเพื่อให้พระเจ้ารักเรามากกว่าที่พระองค์ทรงรักในขณะนี้ และไม่มีอะไรที่เราสามารถทำเพื่อให้พระเจ้ารักเราน้อยไปกว่าที่ทรงรักเราในเวลานี้ได้เช่นกัน

พระเจ้าไม่เพียงแต่อยากให้เรามีความคิดแสนสุขในพระองค์เฉพาะในเวลาที่เราเป็นทุกข์ กลัว และล้มเหลว แต่พระองค์ทรงต้องการให้เราเข้าใจด้วยว่า เรา คือ ความคิดแสนสุขของพระองค์ด้วย
เยเรมีย์ 29:11 พูดไว้อย่างชัดเจนว่า “พระเจ้าตรัสว่า เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ”

....คนเหล่านี้ที่เป็นพี่น้องชายหญิงที่หิวกระหายพระเจ้า และอุทิศตัวเพื่อรับใช้พระองค์ แต่การเผชิญกับความผิดหวังและความคาดหวังที่ไม่ได้รับการตอบสนอง สามารถส่งผลให้คริสเตียนที่จริงใจสูญเสียความรู้สึกรักและสนิทสนมกับพระบิดาและในที่สุดเขาค่อย ๆ ออกห่างอ้อมกอดของพระองค์ไปยังสภาพที่เขาบอกว่าจะไม่เข้าไปเด็ดขาด เล้าหมูซึ่งเป็นที่ ๆ อับอาย และที่ปรักปรำตนเอง กลายเป็นบ้านใหม่ของเขา (ลูกา 15:15-17) จนกว่าเขาจะตระหนักว่าจริง ๆ แล้วที่เขาโหยหาและเป็นที่เดียวที่ความจำเป็นและความต้องการในชีวิตได้รับการตอบสนองอย่างที่สุด คือ กลับคืนสู่อ้อมกอดพระบิดา

......คุณจะยังมีช่องว่างอยู่ในใจของคุณจนกว่าคุณจะให้คุณค่าแก่ความรักและความสนิทสนมกับพระเจ้าเหนือกว่าสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์สามารถให้แก่คุณได้ เช่น กฎของธรรมชาติที่ว่า เมื่อมีช่องว่างที่ใดก็ตาม จะมีบางสิ่งพยายามจะเติมช่องว่างนั้นให้เต็ม บางคนเติมช่องว่างด้วยแอลกอฮอล์ ยาเสพติด หรือแม้แต่ศาสนา แต่ความปรารถนาและความว่างเปล่าในหัวใจของคุณไม่สามารถถูกเติมให้เต็มด้วยคนหรือสิ่งใด ๆ นอกจากโดยความสัมพันธ์กับพระบิดาที่สร้างบนความรักและความสนิทสนม ไม่ใช่บนหน้าที่และการงาน หากคุณยังไม่มีประสบการณ์นี้ การมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับคนอื่นจะเป็นไปได้ยากมาก

....บาดแผลที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับพ่อของคุณที่คุณมีตั้งแต่วัยเด็กนั้น มักจะเป็นสาเหตุหลักในความเจ็บปวดด้านอารมณ์เมื่อคุณเป็นผู้ใหญ่ ความเจ็บปวดในวัยผู้ใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดในวัยเด็ก นักจิตวิทยาครอบครัวหลายท่านเชื่อว่า เอกลักษณ์ที่ติดตัวเด็กส่วนใหญ่ ถูกสร้างขึ้นจากความสัมพันธ์พ่อกับลูก หากความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกไม่เป็นไปอย่างเหมาะสม เด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาความสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีสิทธิอำนาจเหนือเขา และเมื่อเขาบังเกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์แล้ว บาดแผลที่มีกับพ่อของเขามักจะถูกถ่ายทอดไปยังความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างเขากับพระบิดาด้วย

น้ำพระทัยของพระเจ้า

น้ำพระทัยของพระเจ้าจะไม่นำคุณไป ....

ยังที่ที่พระคุณของพระเจ้าไม่สามารถรักษาคุณไว้
ยังที่ที่พระหัตถ์ของพระเจ้าไม่สามารถสนับสนุนคุณ
ยังที่ที่ความมั่งคั่งของพระเจ้าไม่สามารถช่วยเหลือความจำเป็นของคุณ
ยังที่ที่ฤทธิ์เดชของพระเจ้าไม่ประทานให้แก่คุณ

ยังที่ที่พระวิญญาณของพระเจ้าจะไม่สามารถทำงานผ่านคุณ
ยังที่ที่พระปัญญาของพระเจ้าไม่สามารถสอนคุณ
ยังที่ที่กองทัพของพระเจ้าไม่สามารถคุ้มครองคุณ
ยังที่ที่พระหัตถ์ของพระเจ้าไม่สามารถหล่อหลอมคุณ

ยังที่ที่ความรักของพระเจ้าไม่สามารถหุ้มห่อคุณ
ยังที่ที่พระเมตตาของพระเจ้าไม่สามารถผยุงคุณไว้
ยังที่ที่สันติสุขของพระเจ้าไม่สามารถสงบความกลัวของคุณ
ยังที่ที่สิทธิอำนาจของพระเจ้ามีอำนาจเหนืออุปสรรคเพื่อคุณ

ยังที่ที่การปลอบโยนของพระเจ้าไม่สามารถเช็ดน้ำตาของคุณ
ยังที่ที่พระวจนะของพระเจ้าไม่สามารถเลี้ยงดูคุณ
ยังที่ที่การอัศจรรย์ของพระเจ้าไม่สามารถทำเพื่อคุณ
ยังที่ที่การสถิตทั่วของพระเจ้าไม่สามารถหาตัวคุณพบ

ผู้ประพันธ์นิรนาม
จากหนังสือ ทางออก หลุดพ้นพันธนาการ..ก้าวสู่อิสรภาพ “THE WAY OUT”

ไอโฟน โดนพลาสติกคลุม

เครื่องเล่นอีกชิ้นหนึ่งที่คนไทยไฮเทค อดใจไม่ได้ที่จะต้องใช้ คือ ไอโฟน(iphone)
โดนใจเพราะ... เป็นโทรศัพท์มือถือขนาดบางเฉียบ แถมยังเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กหรือเรียกว่า PDA (personal digital assistant)ซึ่งสามารถใช้งานเป็นหนังสือ สมุดนัดหมาย นาฬิกา ปฏิทิน พจนานุกรม รับส่ง e mail เข้า internet ดูหุ้น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ สารพัด...

หลายคนเมื่อเริ่มใช้ กลับพบว่าเสียงพูดโทรศัพท์ ไม่ค่อยได้ยิน แม้ว่าจะตั้งเสียงให้ดังสุดแล้ว บางคนถึงกับต้องตระโกน ได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน แย่กว่าโทรศัพท์เก่าที่เคยมีเสียอีก!

เมื่อถามผู้รู้ ท่านบอกว่าเป็นเพราะยังไม่ได้แกะเอาพลาสติก ที่หุ้มรอบๆ เครื่องออก ทำให้ไม่ค่อยได้ยินเสียงคนในโทรศัพท์

ชีวิตของเรา บางทีฟังเสียงพระเจ้าไม่ค่อยได้ยิน หรือได้ยินไม่ค่อยชัดเจนว่า พระเจ้าจะให้ทำอะไร บางทีไม่แน่ใจว่าตัดสินใจแบบนี้ถูกตามน้ำพระทัยหรือไม่
เป็นเพราะเรายังไม่ได้แกะเอาความบาปบางอย่างออกมาก่อนนั่นเอง

ความบาปปัจจุบันได้ พัฒนาไปมาก ดูไม่ออกว่านี่คือบาป เพราะมันใสบางเฉียบ เรียบหมดจด ไม่มีริ้วรอย เกาะติดเป็นเนื้อเดียวกันกับชีวิตเรา
เมื่อใดที่ชีวิตเราไม่ค่อยได้ยินเสียงพระเจ้า หรือรู้สึกเหมือนพระเจ้าไม่ได้ยินเสียงเรา
ให้สำรวจว่ามีบาปพลาสติกที่มองไม่ค่อยเห็น หรือแยกไม่ค่อยออก ติด แน่นอยู่ในชีีวิตเราหรือเปล่า
เพราะพระคัมภีร์บอกเราว่า

...พระหัตถ์ของพระเจ้ามิได้สั้นลง ที่จะช่วยให้รอดไม่ได้...
บาปของเจ้าทั้งหลายได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน อิสยาห์ 59:1,2

มิสเตอร์โจนส์ไปสวรรค์

มิสเตอร์โจนส์ไปสวรรค์
มิสเตอร์โจนส์ซึ่งเสียชีวิตและไปสวรรค์ เปโตรกำลังคอยเขาอยู่ที่หน้าประตูเพื่อพาเที่ยวชมสวรรค์ ในระหว่างความงามของถนนที่ปูลาดด้วยทองคำ คฤหาสน์อันสดสวยและคณะนักร้องประสานเสียงของเหล่าทูตสวรรค์ที่เปโตรนำพาเขาเข้าชมนั้น มิสเตอร์โจนส์สังเกตเห็นตึกหลังหนึ่งรูปทรงแปลก ๆ เขาคิดว่ามันเหมือนกับโกดังเก็บของขนาดมหึมา มันไม่มีหน้าต่างและมีประตูเพียงบานเดียว แต่เมื่อเขาขอเข้าไปดูข้างใน เปโตรก็ลังเลใจ ?จริง ๆแล้วคุณไม่อยากเข้าไปดูว่าอะไรอยู่ในนั้นหรอกน่า? เขาบอกผู้มาใหม่
ทำไมในสวรรค์ถึงต้องมีความลับอีกนะ โจนส์สงสัย จะมีอะไรประหลาดใจและไม่น่าเชื่อรอฉันอยู่ในนั้นหรือ เมื่อการนำเที่ยวอย่างเป็นทางการจบลงแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นของเขายังคงอยู่ ดังนั้นจึงขอเข้าไปดูข้างในตึกนั้นอีกครั้ง
ในที่สุด เปโตรก็ยินยอม เมื่ออัครทูตเปิดประตู มิสเตอร์โจนส์ก็เกือบจะชนเขาล้มลงด้วยรีบเร่งจะเข้าไปกลายเป็นว่าอาคารใหญ่โตมโหฬารนั้นเต็มไปด้วยชั้นวางของมากมายเป็นแถว ๆแถวแล้วแถวเล่า จากพื้นถึงเพดาน แต่ละชั้นก็มีกล่องสีขาวผูกโบว์แดงมากมายหลายใบกองอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
?กล่องเหล่านี้มีชื่อติดไว้ด้วย? มิสเตอร์โจนส์รำพึงออกมาดัง ๆ
จากนั้นเขาก็หันไปถามเปโตรว่า ?ของผมมีไหม?
?มีแน่นอน? เปโตรพยายามจะพามิสเตอร์โจนส์กลับออกไป
?พูดตามตรงนะ? เปโตรพูด ?ถ้าผมเป็นคุณ....?
แต่มิสเตอร์โจนส์ปราดเข้าไปในซอกถึงตัวอักษร ?จ? แล้ว เพื่อมองหากล่องของตัวเอง
เปโตรเดินตามพลางสั่นศีรษะ เขาเดินไปทันมิสเตอร์โจนส์ขณะที่ฝ่ายหลังกำลังแกะโบว์แดงออกจากกล่องของตน จากนั้นก็เปิดฝาออก เมื่อมองเข้าไปข้างใน โจนส์ก็ใช้เวลาครู่หนึ่งแสดงอาการว่าจำได้ในทันใด แล้วเขาก็ถอนหายใจยาวเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เปโตรได้ยินมาหลายครั้งหลายคราก่อนหน้านี้
เพราะว่าในกล่อนนั้น...กล่องขาวของมิสเตอร์โจนส์นั้น เป็นพระพรทั้งหมดที่พระเจ้าประสงค์จะประทานให้ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ ....แต่มิสเตอร์โจนส์ไม่เคยอธิษฐานขอเลย

?จงขอ? พระเยซูทรงสัญญา ?แล้วจะได้? (มัทธิว 7: 7) ?ท่านไม่มีเพราะท่านไม่ได้ขอ? ยากอบ 4:2

บางตอนจาก หนังสือ ?ขออวยพรข้าพระองค์? คำอธิษฐานของยาเบส The Prayer of JABEZ
By : Bruce Wilkinson , สำนักพิมพ์แม่น้ำ

พระลักษณะของพระเจ้า

ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าเป็นสุดยอดแห่งพระลักษณะของพระองค์ เป็นหัวใจแห่งกฎบัญญัติของพระองค์ เป็นความแจ่มชัดแห่งพระราชกิจทั้งปวงของพระองค์ กฎบัญญัติและพระราชกิจของพระองค์ล้วนควรค่าแก่พระสิริ และถวายเกียรติแด่ความบริสุทธิ์ของพระองค์ ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าเป็นสิ่งที่น่าเกรงขาม น่ายำเกรงและยิ่งใหญ่
....แล้วเราจะบริสุทธิ์ได้อย่างไร ? ก็โดยการมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา โดยผ่านทางการไถ่บาปของพระคริสต์บนไม้กางเขนนั้น พระเจ้าทรงประทานความบริสุทธิ์ให้กับทุกคนที่เชื่อในพระองค์ เปาโลกล่าวกับชาวโครินธ์ว่า “แต่ท่านได้รับการชำระแล้ว ได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว ได้รับการทำให้เป็นผู้ชอบธรรมในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าและพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเรา” (1คร.6:11)
....แม้ว่าพระเจ้าจะทรงบริสุทธิ์และเกลียดชังความบาป แต่พระองค์ก็ยังช่วยกู้เรา พระองค์ทรงทราบถึงความบาปของเรา กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงรักเรา ความบริสุทธิ์ ความสัพพัญญู และความรักของพระองค์ล้วนผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างสวยงาม เราจะเข้าใจความรักนี้ได้ดีขึ้น หากจะเปรียบเทียบกับการเป็นมะเร็ง หากคุณเป็นมะเร็ง คุณคงจะทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้เพื่อดูแลรักษาร่างกายของคุณให้แข็งแรง และคงจะทำทุกอย่างเช่นกันที่จะทำลายมะเร็งนั้น ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าทรงรักผู้ที่เชื่อในพระองค์ แต่ทรงเกลียดความบาปของพวกเขา พระองค์ไม่เคยปรารถนาให้ผู้ใดกระทำบาปหรือทดลองให้ผู้ใดทำบาป (ยก.1:13-14) พระองค์ทรงประทานอิสระในการเลือกให้กับเรา แต่บ่อยครั้ง เราเลือกที่จะทำความบาป
....การสำแดงออกซึ่งความบริสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้าคือ การที่พระองค์ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ให้เสด็จลงมาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อให้ผู้ที่เชื่อได้รับความรอดได้ พระองค์ทรงยอมจ่ายราคาสูงสุดเกินกว่าที่เราจะคาดคิด เพื่อตอบสนองต่อความบริสุทธิ์สมบูรณ์แบบของพระองค์ “แต่ความจริงพระองค์ทรงปรากฎเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปลายยุค เพื่อกำจัดบาปให้หมดสิ้นไปโดยการถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา” (ฮบ.9:26) พระคริสต์ยอมสิ้นพระชนม์เพื่อเป็นเครื่องบูชาสำหรับความผิดบาปของมนุษย์ด้วยความเต็มพระทัย เพื่อตอบสนองต่อความบริสุทธิ์ของพระเจ้าเท่านั้น
....การดำเนินชีวิตที่บริสุทธ์จะทำให้คุณมีความกล้าในพระเจ้า ซึ่งเกิดจากการสารภาพบาปอย่างสม่ำเสมอและละทิ้งความบาปคุณไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับพระเจ้าและปิติยินดีในพระองค์ได้ ถ้าหากคุณยังมีความบาปในชีวิตอยู่ เมื่อใดก็ตามที่คุณยังมีความบาปที่ไม่ได้สารภาพ คุณจะประสบกับความยากลำบากในการอธิษฐาน พระเจ้าไม่ทรงต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับคุณ พระองค์ทรงต้องการใหคุณเป็นคนบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าพระองค์อาจจะต้องฝึกวินัยคุณก็ตาม (ฮบ.12:4-11)
....ถ้าหากคุณไม่เคยตระหนักถึงความผิดบาปของคุณว่ามีมากเพียงใด คุณก็จะเข้าใจในความมหัศจรรย์ของพระคุณของพระเจ้าและความบริสุทธิ์ของพระองค์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

พระลักษณะของพระเจ้า/Coming Face To Face With His Majesty
By : John MacArthur, Jr. , สถาบันคริสเตียนศึกษาและพัฒนาคริสตจักร
พระเจ้าผู้บริสุทธิ์
....ความบริสุทธิ์ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นพระลักษณะของพระเจ้าที่สำคัญที่สุดในบรรดาพระลักษณะทั้งปวงของพระองค์ เมื่อทูตสวรรค์นมัสการในสวรรค์ พวกเขาไม่ได้กล่าวว่า “นิรันดร์ นิรันดร์ นิรันดร์” หรือ “สัตย์ซื่อ สัตย์ซื่อ สัตย์ซื่อ” หรือ “ปราดเปรื่อง ปราดเปรื่อง ปราดเปรื่อง” หรือ “ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่” แต่พวกเขากล่าวว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าทรงฤทธานุภาพสูงสุด” (วว.4:8 เปรียบเทียบ อสย.6:3)

คนที่มีความสุขที่สุดในโลก

คนที่มีความสุข ที่สุดในโลก

คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ร่ำรวย คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคือ คนที่มีความสบายใจเท่านั้นเอง และความหมายของความสบายใจ คือ
หนึ่ง เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เชื่อว่าคุณมีดี คุณน่าคบหา และคุณทำได้
สอง รู้จักตัวเอง ยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเอง และพร้อมจะปรับปรุงเสมอ
สาม ไม่ดื้อดึง ถ้าวันวานคุณเคยทำผิดพลาด คุณก็ยินยอมเปลี่ยนแปลงและรับฟังคนอื่น
สี่ เห็นค่าของตัวเอง คุณไม่คิดว่าตัวเองช่างไร้ค่า คุณจึงมีความสุขในใจเสมอ
ห้า วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบหาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน
หก กล้าหาญเสมอ คุณกล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่างๆ
เจ็ด มีความฝันใฝ่ เมื่อชีวิตมีจุดหมาย คุณก็จะเดินไปบนถนนชีวิตอย่างมีความหวัง ไม่เลื่อนลอย
แปด มีน้ำใจอาทร คุณพบความสุขในใจเสมอถ้าเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เก้า นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วยการลดคุณค่าและทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง
สิบ เติมสีสัน สร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง รู้จักหยอกล้อคนอื่น ๆ และตัวเองด้วย ความสุขนั้นคือพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้ การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอก และมันมิได้อยู่กับคุณอย่างมั่นคงถาวรตลอดไป เพราะคนเรานั้นย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอไม่มีวันหยุดนิ่ง ความสุขที่แท้จริงเกิดจากข้างในจิตใจของคนเรา และถ้าจิตใจของคุณไม่ว่าง เต็มไปด้วยอารมณ์อันตรายต่าง ๆ ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง เพราะความสุขนั้นมักเกิดขึ้นท่ามกลางความสงบเสมอ ชีวิตของคนเรานั้นไม่ยืนยาวนัก คุณสามารถหาความสุขให้ตัวเองได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมุ่งหวังยามแก่เฒ่า ค่อยอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่หลายคนเชื่อกัน เชื่อเถอะ เราจะสามารถมีความสุขที่สุดในโลกได้ ในตอนนี้ ถ้าเราเริ่มจากตัวเราเอง !!!

เอาข้อจำกัดออกไป

เอาข้อจำกัดออกไป
“และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระเยซูคริสต์ เพื่อว่าในยุคต่อๆไปพระองค์จะได้ทรงสำแดงพระคุณของพระองค์อันอุดมเหลือล้น ในการซึ่งพระองค์ได้ทรงเมตตาเราในพระเยซูคริสต์” (อฟ. 2:6-7AMP).
เรารับใช้พระเจ้าผู้มีพระคุณไม่จำกัด ความโปรดปรานไม่จำกัดและพระพรไม่จำกัด พระเจ้าทรงต้องการสำแดงความดีงามและเทความเต็มล้นลงมาบนชีวิตของเรา เมื่อพระเจ้าทรงเห็นเรา พระองค์เห็นความเป็นไปได้อย่างไม่จำกัด พระเจ้าเห็นศักยภาพที่ไม่จำกัด พระองค์เห็นทรัพยากรที่ไม่จำกัด พระคุณของพระเจ้าและความโปรดปรานของพระองค์ในชีวิตของเราทำให้เรากลายเป็นคนในแบบที่พระเจ้ามองเห็นเรา แต่ก่อนอื่นเราต้องเปิดใจและเอาข้อจำกัดออกไป เรามักจะจำกัดพระเจ้าด้วยกรอบความคิดของเรา ความสงสัย ความไม่เชื่อ และการไม่ให้อภัย ที่อยู่ในใจของเราจะปิดประตูไม่ให้ความโปรดปรานของพระเจ้าเข้ามาในชีวิตของเรา ในพระธรรมมาระโกบทที่ 6 บอกว่าพระเยซูไม่ได้ทำการอัศจรรย์มากนักในบางเมือง เพราะว่าผู้คนในเมืองนั้นไม่มีความเชื่อในทุกวันนี้ก็เช่นกันแต่เมื่อใดที่เรามีความเชื่อและหวังใจในพระเจ้า จะเปิดประตูให้พระเจ้าเข้ามาทำงานในชีวิตของเรา เรากำลังเอาข้อกำจัดออกไป เรากำลังเปิดโอกาสให้พระเจ้าที่จะทวีคูณในสิ่งที่เรามี ให้เราเอาข้อจำกัดออกไปโดยการใส่ความคิดแห่งชัยชนะของพระเจ้าเข้าไป คิดถึงการเพิ่มพูนและพระพร และเมื่อเราทำเช่นนั้น เราจะไปได้สูงขึ้นและสูงขึ้นและรับเอาชีวิตที่ครบบริบูรณ์ที่พระเจ้ามีไว้ให้
**อธิษฐาน**
พระบิดา I choose Your unlimited grace and favor today. I choose to believe that You have good things in store for me. I give You everything that I am and ask that You use me for Your glory. ในพระนามพระเยซู
Take the Limits Off
Today's Scripture
“He raised us up together with Him…that He might clearly demonstrate through the ages to come the immeasurable, limitless, surpassing riches of His free grace, His unmerited favor…” (Ephesians 2:6-7AMP).
Today's Word from Joel and Victoria
We serve a God of unlimited grace, favor and blessing. He longs to show you His goodness and pour out His abundance in your life. When God sees you, He sees unlimited possibility. He sees unlimited potential. He sees unlimited resources. God’s grace and favor in your life enables you to become what He sees, but you have to first open your heart and take the limits off. We limit God in our thinking. Thoughts of doubt, unbelief and unforgiveness in your heart will close the door to His favor. In Mark chapter 6, it says that Jesus could do no mighty works in a particular town because of the unbelief of the people. It works the same way today. But when you choose thoughts of faith and expectancy, you are opening the door for God to work in your life. You are taking the limits off. You are giving Him the opportunity to multiply what you have in your hand. Choose to take the limits off by choosing His thoughts of victory. Choose thoughts of increase and blessing. As you do, you’ll rise higher and higher and live the abundant life He has prepared for you.
A Prayer for Today
Heavenly Father, I choose Your unlimited grace and favor today. I choose to believe that You have good things in store for me. I give You everything that I am and ask that You use me for Your glory. In Jesus’ Name. Amen.

**พระเจ้าทรงทำงานอยู่เบื้องหลังเรา**
“เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” (รม. 8:28).
พระเจ้าทรงทำงานของพระองค์อยู่เบื้องหลังในชีวิตของเรา ไม่ว่าอะไรที่เราต้องเผชิญ การทดลองที่เราต้องเจอ พระเจ้าทรงมีแผนการที่จะเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นให้กลายเป็นความโปรดปรานแก่เรา ตอนนี้พระเจ้ากำลังทำตามแผนเหล่านั้นเพื่อให้เราได้รับในสิ่งดีๆ พระเจ้ากำลังนำผู้คนที่เหมาะสมเข้ามาในชีวิตของเรา ตอนนี้เราอาจจะยังมองไม่เห็นด้วยตาของเรา แต่เราต้องมองดูด้วยตาแห่งความเชื่อ ให้เรายืนหยัดไว้ คงความเชื่อไว้ มีความหวัง และทำตามพระคำของพระเจ้า มองดูที่ความดีงามของพระเจ้าในชีวิตของเรา จำไว้ว่าพระเจ้าทรงประทานรางวัลแก่คนที่แสวงหาพระองค์ และเมื่อเราตั้งใจที่ความสัตย์ซื่อของพระเจ้า และแสดงความรักต่อพระองค์ด้วยการทำตามพระคำของพระองค์ เราจะเห็นว่าแผนการที่พระเจ้ามีไว้ให้เราได้สำเร็จเป็นจริง เราได้รัยสันติสุขและความชื่นชมยินดีจากพระเจ้า และ เราจะมีชีวิตแห่งชัยชนะตลอดทุกวันเวลาในชีวิตของเรา
อธิษฐาน
Heavenly Father, thank You for Your faithfulness in my life. I trust that You are working behind the scenes on my behalf. Give me Your strength and peace today, and fill me with Your faith to overcome. ในพระนามพระเยซู
He’s Working on Your Behalf
Today's Scripture
“We know that God will work all things together for good for those who love Him and are called according to His purpose” (Romans 8:28).
Today's Word from Joel and Victoria
God is working behind the scenes in your life, today. No matter what you may be facing, no matter what trial your may be going through, God has a plan to turn things around in your favor. Right now, He is working out a plan for your good. Right now, He is orchestrating the right people to come across your path. He is orchestrating the right opportunities to open up to you. You may not see it in the natural, but look with your eyes of faith today. Keep standing. Keep believing. Keep hoping. Keep following His Word. Focus on His goodness in your life, knowing that He rewards the people who seek after Him. As you meditate on the faithfulness of God and show your love for Him by following His Word, you will see His plan come to pass. You’ll experience His peace and joy, and you will live in victory all the days of your life!
A Prayer for Today
Heavenly Father, thank You for Your faithfulness in my life. I trust that You are working behind the scenes on my behalf. Give me Your strength and peace today, and fill me with Your faith to overcome. In Jesus’ Name. Amen.
**สะท้อนถึงพระองค์**
“ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์” (ฟป. 2:5 AMP).
เมื่อเราเป็นสิ่งสะท้อนของบางสิ่ง เราก็กำลังแสดงออกว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไร เรามีลักษณะแบบสิ่งนั้น เหมือนกับกระจก พระคัมภีร์บอกเราว่าเราควรสะท้อนพระลักษณะของพระเยซู ซึ่งหมายถึงว่าเราควรมีทัศนคติแบบพระเยซู ซึ่งฟังดูมันก็เหมือนกับว่ามาตรฐานสูงไปหรือเปล่า เพราะว่า พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า แต่ว่าเราต้องจำไว้ว่า เมื่อเราเอาพระเยซูเป็นพระเจ้าและผู้ช่วยให้รอด เราก็กลายเป็นลูกของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เราได้รับการเสริมกำลังโดยพระวิญญาณองค์เดียวกับที่ชุบพระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย นั่นคือเรามีวิญญาณแห่งความถ่อมใจเช่นกัน มีกำลังแบบเดียวกัน มีความรักแบบเดียวกัน และมีฤทธิ์เดชภายในแบบเดียวกัน เราได้รับกำลังที่จะทำตามตัวอย่างของพระองค์และทำในสิ่งที่พระองค์ทำ เมื่อพระเยซูยังอยู่ในโลก พระองค์ทรงทำความดีและช่วยรักษาโรค ทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณและด้านอารมณ์ด้วย นั่นคือสิ่งที่เราควรทำเช่นกัน ให้เราสังเกตว่า พระคำตอนนี้บอกเราว่า “จง” เราต้องเชิญพระเจ้าเข้ามาในทัศนคติและการกระทำของเรา ให้พระเจ้าเข้ามาทำงานในชีวิต และเราจะสะท้อนถึงพระองค์ในทัศนคติของเราและการกระทำของเราและทำสิ่งดีแก่ผู้อื่น และเราจะได้เก็บเกี่ยวอย่างมากมาย ได้รับพระพรมากมายในทุกด้านของชีวิต
อธิษฐาน
Heavenly Father, I invite You to dwell in my thoughts, heart and attitude. I choose to follow Your example and bring good to others. Help me to be a pure reflection of Your love in everything I do. ในพระนามพระเยซู
Reflect Him
Today's Scripture
“Let this same attitude and purpose and humble mind be in you that was in Christ Jesus. Let Him be your example in humility” (Philippians 2:5 AMP).
Today's Word from Joel and Victoria
When you reflect something, you are exhibiting its likeness. You are displaying its characteristics. Like a mirror, the Bible tells us that we should reflect the character and likeness of Jesus. We should have His same attitude. That may sound like a pretty tall order; after all, Jesus was the Son of God. But remember, when we accept Him as our Lord and Savior, we become sons and daughters of the Most High God, too. We become empowered by the same spirit that raised Christ from the dead. That means we have the same spirit of humility—the same strength, the same love, the same power on the inside. We are empowered to follow His example and do what He did. When Jesus walked the earth, the scripture says He went around doing good and bringing healing to others, physically, spiritually and emotionally. That’s what we should be doing, too. Notice this verse starts by saying, “Let…” We have to invite God into our attitude and actions. Choose today to invite Him to work in you. As you do, you will reflect Him in your attitude and actions and bring good to others, and you will reap an abundant harvest of blessing in every area of your life.
A Prayer for Today
Heavenly Father, I invite You to dwell in my thoughts, heart and attitude. I choose to follow Your example and bring good to others. Help me to be a pure reflection of Your love in everything I do. In Jesus’ Name. Amen.
**ในสวรรค์เป็นเช่นไรให้เป็นอย่างนั้นในแผ่นดินโลก**
“ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก” (มธ. 6:10).
พระเจ้าทรงต้องการให้เราได้รับประสบการณ์ว่าสวรรค์เป็นอย่างไรในขณะที่เรายังอยู่ในโลกนี่แหละ พระเจ้าต้องการสำแดงแก่เราว่าแผนการอันยอดเยี่ยมของพระองค์เป็นอย่างไร และจะทำให้มันเป็นจริงได้อย่างไร เราเคยคิดไหมว่าพระประสงค์ของพระเจ้าจะสำเร็จอย่างไร เวลาที่อยู่ในสวรรค์ ในสวรรค์นั้นพระประสงค์ของพระเจ้าจะสำเร็จอย่างอัตโนมัติ ไม่มีอำนาจอะไรมาต่อต้านได้ บนโลกนี้พระประสงค์ของพระเจ้าจะเป็นจริงได้ เริ่มต้นด้วยการที่เรารับเอาพระเยซูเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยของเรา และเราต้องเลือกที่จะยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าในทุกวัน ด้วยความคิด คำพูดและการกระทำ บนโลกเราต้องยืนหยัดต่อสู้พลังแห่งความมืด เราต้องปฏิเสธความคิดที่ไม่ดี ความคิดที่ว่าเราต้องพ่ายแพ้ เมื่อเราเปิดใจต่อพระคำของพระเจ้าและยินดีให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จในชีวิตของเรา อย่างที่ในเอเฟซัสบทที่ 6 บอกว่าเราจะได้รับการเสริมกำลังด้วยการที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ เมื่อเราประกาศถึงสิ่งที่พระเจ้าพูดไว้เกี่ยวกับเรา เราจะชนะทุกสิ่งที่มาต่อต้านและเราจะได้เห็นพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราอย่างที่เป็นในสวรรค์
อธิษฐาน
Heavenly Father, I humbly come to You today and invite Your will to be done in my life. I submit every area of my heart to You. Let everything I say and do bring glory to You. ในพระนามพระเยซู
As It Is in Heaven
Today's Scripture
“Your kingdom come, Your will be done on earth as it is in heaven” (Matthew 6:10).
Today's Word from Joel and Victoria
God longs to give you a glimpse of heaven while you are here on earth. He wants to show you His wonderful plan and bring it to pass in your life. Have you ever thought about how God’s will is accomplished in heaven? In heaven, God’s will is automatic. There are no opposing forces of darkness or anything that would come against His will. On earth, His will is activated in our lives when we first make Jesus our Lord and Savior; and then we must choose to come into agreement with His will on a daily basis through our thoughts, our words and our actions. On earth, we have to stand against the forces of darkness. We have to refuse those negative, self-defeating thoughts. As you open your heart to the Word of God and invite His will to be done in your life, it says in Ephesians 6 that you will be empowered by your union with Him. As you declare what God says about you, you will overcome all opposition, and you will see God’s will in your life as it is in heaven!
A Prayer for Today
Heavenly Father, I humbly come to You today and invite Your will to be done in my life. I submit every area of my heart to You. Let everything I say and do bring glory to You. In Jesus Name. Amen.
**ยึดมั่นในพระสัญญา**
“เราไม่อยากให้ท่านเป็นคนเฉื่อยช้า แต่ให้ตามเยี่ยงอย่างแห่งคนเหล่านั้นที่อาศัยความเชื่อและความเพียร จึงได้รับตามพระสัญญาเป็นมรดก” (ฮบ. 6:12).
ตอนนี้คุณกำลังเผชิญความท้าทายที่เหลือจะรับอยู่หรือเปล่า แต่ด้วยความเชื่อและความอดทน คุณจะได้เห็นพระสัญญาของพระเจ้าเป็นจริงในชีวิตของคุณ จงเข้าใจว่าศัตรูนั้นจะต่อต้านเราอย่างหนักในเวลาที่มันรู้ว่าเรากำลังจะถึงจุดเปลี่ยน แต่ว่าหากเรากำลังอยู่ในสภาพธรรมดากำลังท้อแท้มันก็จะปล่อยเราไว้เฉยๆไม่ทำอะไรมากแต่ถึงอย่างไรก็ตามหากว่าเรายึดพระสัญญาไว้ ด้วยความเชื่อและความอดทน เราจะได้รับตามนั้น อย่าได้เป็นอย่างคนอิสราเอลในพระคัมภีร์เดิมที่เข้าไปใกล้แผ่นดินแห่งพันธสัญญาแล้วแต่ว่าก็ต้องจากมันไป เพราะว่าพวกเขาบอกว่า มียักษ์ในแผ่นดินนั้น มันยากเกินไป อย่าเป็นอย่างนั้นเลยแต่ว่าเราต้องอย่ามองอุปสรรค แต่ให้เรามองไปที่พระเจ้า เพราะว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระองค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ให้เราทำตามอย่าง อับราฮัมที่เชื่อในพระเจ้าแม้ในเหตุการณ์ตางๆจะดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ก็ตาม จำไว้ว่าพระเจ้าทรงประทานรางวัลแก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์ ยืนหยัดไว้และเชื่อ เพราะว่าพระเจ้าจะนำเราไปในจุดที่เราไม่อาจแม้แต่จะฝันถึง ยึดพระสัญญาไว้ เราจะเห็นว่าพระหัตถ์แห่งพระพรของพระเจ้ากำลังลงมาที่ชีวิตของเราและประทานชัยชนะให้เรา
อธิษฐาน
พระบิดา I come to You today choosing to believe Your promises. Fill me with Your faith and patience to press through to victory. I give You all the glory. ในพระนามพระเยซู
Press Towards the Promise
Today's Scripture
“Imitate those who through faith and patience inherit the promises” (Hebrews 6:12).
Today's Word from Joel and Victoria
Are you facing a challenge today that seems overwhelming? Through faith and patience, you will see God’s promises come to pass in your life. Understand that the enemy always fights the hardest when he knows you are closest to your breakthrough. He’d leave you alone if he thought you were going to live in mediocrity. If you keep pressing on toward your promise, through faith and patience, you will get there. Don’t be like the Israelites in the Old Testament who were right next to their promised land when they talked themselves out of it. They said, “There are giants in the land. It’s too difficult.” No, don’t look at the obstacles in your life today; lift up your eyes because you serve Almighty God. Follow the example of Abraham who believed God even when his circumstances looked impossible. Remember, God rewards the people who seek after Him. Stand in faith and keep believing because God will take you places that you never dreamed. As you press toward the promise, you will see God’s hand of blessing in your life and live in the victory He has prepared for you.
A Prayer for Today
Heavenly Father, I come to You today choosing to believe Your promises. Fill me with Your faith and patience to press through to victory. I give You all the glory. In Jesus’ Name. Amen.

ความรู้เรื่องสุขภาพ

กิน หวาน มากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาล อยู่ ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ ผิว ทำ ให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และ เหี่ยวย่น ในที่สุด
2. การยืนเอาปลาย นิ้ว มือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะ ปลาย นิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิต บริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใส ขึ้น
3. เอาน้ำแข็งถูหน้า ก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการ ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก น้ำเมือกจะ แห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะ หาย ขอย้ำ... เมือกจากว่านหางจระเข้เท่านั้น เมือกอย่างอื่นที่ทำเป็นประจำ ผิวหน้าอาจอักเสบ หรือ ติดโรคได้...
4. การสวมเสื้อผ้า หนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะ ที่ ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะ ฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่า เดิม
5. คนผิวแห้งมีโอกาส เกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือ สารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะ ฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิว มัน
6. การฝึกกลั้นหายใจ สามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึง หายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้
7. การ ร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วย เผา ผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวัน ละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มาก ถึง 50 แคลอรี
8. กาวตราช้างใช้ รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วย กาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ ถูกรบกวน จึงมีการซ่อม แซม ตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออก ไป แต่ ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง
9. การ เต้น รำทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวัน ละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำ ให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพ ดี
10. การใส่ กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้ จริง หรือ

เฉลย
จริง เพราะ ช่วงขาส่วนที่อยู่ นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะ เมื่อ ผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์= A

**ชุดคำถาม ที่ 3 หมวด รู้ไว้ใช่ว่า**

1. การแลบลิ้นให้น้ำลาย ยืดลงพื้น 3 หยด จะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แค ปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิ กริยาโดบขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป
2. ดูดนมยางของเด็กทารก ตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง การคาบหรืออมนายางของเด็กทารก ไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือน สั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีก ด้วย
3. การสูดกลิ่นตัว ผู้ชาย ทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคน รักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลด อาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้
4. แอปเปิ้ลผลิตกระแส ไฟฟ้าได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่น ทอง แดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็น เหมือน แบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรป ฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้ เช่น กัน
5. ปัสสาวะ มนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึง เป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์
6. วัวกระทิงเกลียดสี แดง จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่ สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคาญ และเพราะถูกยั่วยุ มากกว่า
7. เพชรแท้จะ ไม่ติดสีหมึก จริงหรือ

เฉลย
จริง การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้าย น้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชร เทียม
8. การทะเลาะ กันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ด เลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลง ทำ ให้บาดแผลต่างๆ หายช้า
9. แสงแดด อ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการ สร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่ แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึม เซา ได้
10. การฟัง เพลง ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมอง หลั่ง สารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และ บรรเทาอาการปวดข้อลงได้

**ชุดคำถาม ที่ 2 หมวด กินเพื่อสุขภาพ **

1. กินน้ำมะนาวปั่น สามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการ ดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำ ผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วย ปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไป ได้
2. เมื่อ เป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียม สูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียม สูง จะส่งผลให้เกิดอาการชักได้
3. มัน ฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่ เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิต ให้ ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีก ด้วย
4. ดื่มนม ร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริง หรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบาย ยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร
5. การเคี้ยวหมาก ฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้ คน ไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็น การ บริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่ง ทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพัก หนึ่ง
6. การกินเนยก่อนนอน ทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มี ชื่อ ว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับ ได้ สนิทดีขึ้น
7. กินส้ม ช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือก เอง จะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวน ที่ เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมา ด้วย
8. การกินช็อคโกแล๊ต ช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ต มีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำ หน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ ผล
9. การกิน บ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการ เหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึง ช่วย ถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มาก อีก ด้วย
10. การกิน อาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริง หรือ

เฉลย
จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัว ง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้ น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม ด้วยรักจาก หมอ

ผู้รับใช้พระเจ้าสายพันธุ์ใหม่

ผู้รับใช้พระเจ้าสายพันธุ์ใหม่ ! โดย เรวัฒน์ เทพจักร์

ปี คศ 2010 เป็นปีที่คริสเตียนไทยตั้งความหวังไว้สูงมาก นั่นก็คือการรวมพลังนำข่าวประเสริฐ และตั้งคริสตจักรไปทั่วทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกหมู่บ้าน การที่คริสตชนไทยจะสานให้ฝันนั้นเปิดเป็นจังได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีปัจจัยที่สำคัญช่วยกระตุ้น ปลุกเร้าให้คริสเตียนไทยมีจิตวิญญาณเยี่ยงเดียวกัน ผู้นำคริสตจักรในยุคปัจจุบันเปรียบเสมือนทัพหน้าในการรุกสู่แผ่นดิน สร้างเครือข่าย ขยายแผ่นดินออกไป ซึ่งสำคัญที่มาก็คือการเร่งสร้างพัฒนาบุคลากรเพื่อทำให้เป้าหมายของประเทศสัมฤทธิ์ผล เพื่อให้ได้บุคคลซึ่งมีขีดความสามารถในการทำพันธกิจเหนือศัตรูของเราคือมารซาตาน การสร้างนักเทศน์ และนักบริหารองค์กรพันธุ์ใหม่ ก็เปรียบได้กับการที่เราเอาเมล็ดพืชชนิดหนึ่งมาทำการปรับเปลี่ยนสายพันธ์ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ที่เหมาะกับสภาพดินฟ้าอากาศ มีความทนทาน ให้ผลผลิตมากตลอดปี ผู้รับใช้ของพระเจ้าควรจะมีลักษณะชีวิตในลักษณะดังต่อไปนี้คือ

1. ทันการณ์ ทันโลก ทันสมัย มีความฉลาดเฉลียว มีข้อมูลข่าวสารทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แม้กระทั้งด้านกีฬาต่างๆ ทำไมก็เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายที่เรากำลังจะทำงานประกาศข่าวประเสริฐกับเขา เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลซึ่งมีโลกทัศน์ที่กว้างขวาง มีการศึกษาสูง มีระบบเครือข่ายที่สับซ้อนมาก แน่นอนถ้าผู้รับใช้พระเจ้ายังมัวแต่ชื่นชมกับระบบการทำงาน การบริหารงานแบบเก่าๆ อยู่ นอกจากเราจะก้าวไปไม่ทันโลกแล้ว เรายังชักช้าเกินกว่าไปให้ถึงฝันของปี คศ 2010 ยากที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ ในยุคปัจจุบันคริสตจักรต่างๆจำเป็นจะต้องมีคอมพิวเตอร์ไว้ใช้ในสำนักงานกันได้แล้ว ซึ่งแน่นอนหากคริสตจักรทั่วประเทศไทยสามารถส่งอีเมล์ถึงกันได้ทั้งหมด การที่เราจะประสานงาน ประสานใจกันก็ง่ายนิดเดียว งานของเราก็จะรวดเร็วขึ้นเยอะเลย ไม่ต้องมานั่งลงหวังระบบการติดต่อสื่อสารแบบโบราณอีกต่อไป ซึ่งนอกจากจะเสียเวลาแล้วยังเสียเงินมากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้นำคริสตจักรจะต้องมีการเตรียมความพร้อมที่ก้าวไปสู่ความทันโลกทันสมัยด้วย เงินไม่ใช้ปัญหาของการก้าวไปสู่การทันโลก ถ้าเราเชื่อพระเของเราทรงยิ่งใหญ่ ทรงเป็นเจ้าเหนือสารพัดสิ่ง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจะต้องมีหน่วยใหญ่จัดการสัมนาให้ความรู้ด้านการบริหารงานยุคใหม่ เพื่อสร้างผู้นำสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา และสร้างระบบเครือข่ายให้เกิดขึ้นในโลกคริสตชนไทยเรา มีระบบศูนย์ข้อมูลข่าวสารคริสเตียนไทยที่ดี สามารถรู้ได้ทุกอย่างในการเริ่มพันธกิจใหม่ๆ สามารถหาแหน่งสนับสนุนในการเริ่มพันธกิจแห่งใหม่ได้ สามารถมีพี่เลี้ยงในการคอยให้คำแนะนำในการเริ่มปลูกคริสตจักรใหม่ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างไปหาการสนับสนุนต่างประเทศกันเอง มาถึงนี้แล้วพวกเราก็น่าจะหันมาถามตัวของเราว่า การที่จะฝันไปถึงปี2010 นั้น ผู้นำในองค์กรของเราได้มีโลกทัศน์ที่กว้างพอหรือยัง

2. รู้จักกลุ่มเป้าหมายของเราเป็นอย่างดี Customer Relationship Management หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือว่า วิญญาณของผู้นำคริสตจักรจะต้องมีลักษณะที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มเป้าหมายของเราเป็นอย่างดี แน่นอนสิ่งแรกที่ผู้คริสตจักรจะต้องพึงกระทำก็คือ มีการจัดการเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่เรากำลังจะเข้าไปทำพันธกิจอย่างระเอียด เช่นจำนวนประชากร จำนวนครัวเรือน จำนวนสถานศาสนากิจ ความต้องการของคนในชุมชนนั้นๆ หรือแม้กระทั้งสิ่งที่คนในชุมชนนั้นๆปฏิเสธ ข่าวประเสริฐ สิ่งเหล่านี้จะต้องมีการจัดทำเป็นฐานข้อมูลให้เป็นระบบเพื่อการทำความเข้าใจทุ่งนาที่เรากำลังหว่านข้าว จะต้องมีการทำวิจัย ติดตามผลการทำงานอย่างเป็นระบบจริงๆ ซึ่งแน่นอนการที่เราจะทำได้ถึงระดับนี้ได้ หมายความว่าเราได้สร้างความพร้อมในตัวของผู้นำสายพันธุ์ใหม่เรียบร้อยแล้ว การที่จัดสัมนาเพื่อท้าทายผู้นำให้ออกไปทำพันธกิจอย่างเดียวจะไม่มีผลมากมาย เพราะผู้นำยุคเก่าที่ถูกผลักดันก็เหมือนกับเรารถรุ่นเก่าทำสีใหม่ ซึ่งถ้าให้ดีจำเป็นต้องมีการยกเครื่องใหม่ ในบางคริสตจักรระบบความสัมพันธ์ที่ดีต่อกลุ่มเป้าหมายยังไม่ดีพอเลย สังคมยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า คริสตจักรคืออะไร ทำงานเกี่ยวกับศาสนา แต่ว่าวัตถุประสงค์เพื่ออะไร เมื่อมีคนใหม่ๆเข้ามาในคริสตจักร คริสตจักรก็ไม่สามารถมีการต้อนรับที่เกิดความประทับใจ ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลเพื่อการติดตามผลในโอกาสต่อไป ซึ่งปัญหาคริสตจักรการหาลูกแกะใหม่ๆเป็นสิ่งที่ยาก แต่ความจริงแล้วการที่จะรักษาสภาพสมาชิกเก่าๆ เป็นสิ่งที่ยากลำบากมากกว่า เพราะสมาชิกเก่าๆฉลาดขึ้น มักจะออกเดินไปเที่ยวหาทุ่งหญ้าที่เขียวสด แอร์เย็นๆ ดนตรีเพราะๆ ที่จอดรถสะดวก ในที่สุดจะก่อให้เกิด การพูดปากต่อปาก Word of Mouth กระจายวงกว้างไปสู่มวลสมาชิก จุดตรงนี้แหละที่ผู้นำสายพันธุ์ใหม่จำต้องมีการปรับตัวเองเพื่อ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อสังคมชุมชนที่เรากำลังบุกเบิกพันธกิจอยู่ จนทำให้เกิดการยอมรับจากสังคมนั้นๆให้จงได้ ตัวอย่าง สถานีโทรทัศน์ช่อง3 และITV มีการปรับปรุงผังรายการใหม่เพื่อสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ช่องสามงดข่าวแต่เพิ่มละครหวังดันเรตติ้งไล่บี้ช่องอื่นๆ แถมยังมีการจัดโปรโมชันลด แจก แถมอีกต่างห่าง หกเราจะเข้าไปทำงานช่วยสังคมนั้นๆ เรารู้จักสภาพที่แท้จริงของสังคมนั้นได้ดีหรือยัง

3. เรียนรู้ตลอดชีวิตรับใช้ Long Life Education การเป็นผู้นำสายพันธุ์ใหม่ จะไม่มีคำว่าหยุดการพัฒนาชีวิตของตนเอง จำต้องมีการฝึกวิทยายุทธ์ตลอดเวลา แต่ไม่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์ท่านจะต้องไปร่วมเสียทุกการสัมนา ทุกการประชุมฟื้นฟู เพราะปัญหาเรามีสัมนาดีๆเยอะเกินไป เดี๋ยวกลุ่มนั้นกลุ่มนี้จัด แล้วเราก็กลายเป็นพวกที่ชอบปริโภคอาหารฝ่ายวิญญาณ ทำให้การพัฒนาตัวเองขาดคุณภาพ ไปรับเอาข้อมูลมากมายมาเก็บไว้ จนในที่สุดไม่รู้จะเอาหลักการใดมาใช้ในพันธกิจของตนเอง แต่สำหรับบางคนก็เข้าใจผิดคิดว่าตนเองมีพระวิญญาณช่วยสอนแล้วไม่จำเป็นจะต้องไปรับการอบรมที่ไหน เพียงอ่านพระคัมภีร์ และอธิษฐาน แล้วขึ้นเทศนาได้เลย ทำให้คำเทศนามีแต่เนื้อ สมาชิกกลืนเข้าไปไม่ไหว ผู้นำสายพันธุ์ใหม่จะไม่อาศัยประสบการณ์เดิมของตนเอง หรือของผู้นำรุ่นเก่าๆ มาเป็นกลยุทธ์ของตนเอง เนื่องจากสภาพสังคมในที่ๆที่เราทำงานอยู่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกองค์กรจะต้องมีการปรับกลยุทธ์ใหม่เสมอๆเพื่อเสนอพระกิตติคุณ เพื่อเราสามารถดึงใจของกลุ่มเป้าหมายได้ ผู้นำคริสตจักรจะต้องมีการอบรมสร้างเสริมทักษะตลอดเวลาเป็นการสร้างตาข่ายความคิดให้แตกแขนง รู้จักคิดค้นวิธีการนำเสนอข่าวประเสริฐ การสัมนาต่างๆที่เราเข้าไปร่วมอย่าคิดว่านั่นคือยาขมหม้อใหญ่ ที่จะสามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด แต่มันเป็นเพียงยากระตุ้นชั้นดีที่ทำให้ผู้นำคริสตจักรรู้สึกตื่นตัวที่จะลุกขึ้นไปทำพันธกิจ ผู้นำสายพันธุ์ใหม่ตัวจริงกระทิงแดง จะไม่มีวันหยุดการพัฒนาตนเองเด็ดขาด เพราะเมื่อไหร่ที่คุณหยุดการเรียนรู้ คุณจะหมดอนาคตการรับใช้ทันที คงไม่มีสมาชิกคนไหนภูมิใจในตัวของผู้นำของตน หากผู้นำคนนั้นยังคงเป็นเพียงผู้นำคริสตจักรที่ซื่อบื้อ

4. ใช้เทคโนโลยีให้เป็น High Technology ผู้นำองค์กรสายพันธุ์ใหม่ นอกจากจะต้องทันโลกทันเหตุการณ์แล้ว จะต้องใช้เทคโนโลยีเป็นด้วย ไม่ใช่ว่าเราพยายามวิ่งตามเทโนโลยี แต่เรากลับไม่สามารถใช้มันได้อย่างคุ้มค่า ก็เท่ากับว่าเราได้จ่ายค่าสิ่งนั้นมาด้วยราคาที่แพงมหาโหด คอมพิวเตอร์มีประโยชน์มากกว่าการพิมพ์งาน พิมพ์คำเทศนาเท่านั้น องค์กรจะต้องส่งผู้นำคริสตจักรของตนออกไปรับประสบการณ์ใหม่ๆในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มารซาตานมันยังเรียนรู้จักใช้เทคโนโลยีใหม่ๆในการทำพันธกิจของมัน มันนำจานดาวเทียมมาเพื่อการสื่อสารในองค์กรของมัน แต่คริสตจักรยังมัวมานับจำนวนดาวไถอยู่ ทำให้พันธกิจ 175 ปีไปได้ไม่ไกล ในอดีตขอเพียงคุณมีความรู้พระคัมภีร์เล็กน้อยคุณก็สามารถนำคนมากมายรับเชื่อได้แล้ว แต่ในยุคปัจจุบันการพูดอย่างเดียวไม่เพียงพอแล้ว จำเป็นจะต้องเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ต่างๆอำนวยความสะดวกในพันธกิจของเราด้วย น่าเศร้าใจที่หลายคริสตจักรมีวัตถุดิบ มีปัจจัยแต่ผู้นำกลับขาดศักยภาพในการใช้เทคโนโลยีนั้นๆ ผู้นำองค์กรสายพันธุ์ใหม่จำต้องคล่องแคล่วในการใช้อิเล็กฯ ก้าวไปให้ทันเทคโนโลยีใหม่ๆ เราจะสามารถก้าวตามเทคโนฯได้ก็จะต้องมีการเรียนรู้เข้าไปศึกษาหาประสบการณ์ใหม่ๆ กับผู้รู้ทั้งหลาย เพื่อนำวิทยาการใหม่ๆเข้ามาใช้ในองค์กรของคริสตจักรต่อไป

5. ผู้นำสายพันธ์ใหม่ทำงานเป็นเครือข่าย Team Work ในวงการคริสเตียนไทยเรามีศิลปินเดี่ยวเสียมาก ออกลุยประกาศคนเดียว สำเร็จคนเดียว เจอปัญหาคนเดียว ผู้นำสายพันธุ์ใหม่เน้นการทำงานเป็นทีม เป็นเครือข่าย เป็นทีมงาน ไม่ใช่ฉายเดี่ยว ชอบทำงานเป็นทีมเลิก มากว่าทีมเวิรด์ แน่นอนคนที่จะทำงานกับคนอื่นๆได้จะต้องมีจิตใจกว้างขวาง คนที่มีจิตใจแคบไม่มีทางที่จะทำงานเป็นทีมกับคนอื่นได้ การทำงานเป็นทีมจะต้องคิด และอธิษฐานมองเห็นนมิตร่วมกัน ปัญหาผู้องค์กร ณ วันนี้นั้นชอบเขียนรายชื่อหน่วยงานเป็นรูปแบบคณะกรรมการ มองดูน่าเชื่อถือ แต่ระบบการเงิน การตัดสินใจเจ้าพี่ลุยเองหมด หมกเม็ดกับลูกทีม บางคนชอบทำงานกับคนในตระกูลของตนเองมากกว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายยิ่งต่อคริสตจักรไทย ผู้นำสายพันธุ์ใหม่จะมุ่งทำงานกับคนอื่น เปิดใจยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นๆ ไม่ใช่มองคนอื่นยังเด็กกว่าตนเอง ผู้นำสายพันธ์ใหม่จะมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการถ่ายทอดเทคนิค ความรู้ วิธีการ ข้อมูลต่างๆแก่เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนต่างองค์กรด้วยใจกว้างขวางอย่างพระอาจารย์ของเรา อย่างนี้จึงจะเข้าข่ายเป็นผู้นำยุคใหม่พันธ์ใหม่ตัวจริง

6. มีจรรยาบรรณ Ethics ผู้นำสายพันธุ์ใหม่ จะต้องมีจริยธรรมประจำใจอยู่ข้างใน ไม่ใช่มุ่งเอาแต่ผลงาน ทำผลงานเข้าองค์กรของตนเท่านั้น ไม่ใช่พยายามสร้างหอบาเบลขึ้นในองค์กรของตนเอง จนไม่เคยเงยหน้าขึ้นมองดูคนอื่นๆบ้าง ความถูกต้อง ความใสสะอาดโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญในการเป็นผู้นำคน ผู้นำสายพันธุ์ใหม่จะต้องมีจรรยาบรรณในการนำเสนอพระกิตติคุณที่แท้จริง ไม่ใช่ทำทุกวิธีเพื่อจะได้ดวงวิญญาณมารวมกันในคริสตจักรเพื่อภาคภูมิใจว่า ว่าฉันทำงานประสบความสำเร็จกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่จะต้องดำเนินไปอย่างมีจรรยาบรรณ ผู้นำสายพันธุ์ใหม่จะไม่ประกาศข่าวประเสริฐในเชิงลบหลู่ศาสนาอื่นๆ ผู้นำบางคนหยิบฉวยเอาความอ่อนแอของกลุ่มเป้าหมาย ไปหาผลประโยชน์ หาการเงินสนับสนุนจากต่างประเทศเข้าในองค์กรของตนเอง ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วก็ย่อมมีภาระใจกับประเทศที่ด้อยการพัฒนา พระเยซูคริสต์มิได้กระทำเช่นนั้น ทั้งๆที่พระองค์มีโอกาสบ่อยครั้งที่จะกระทำเช่นนั้น คุณธรรมประจำใจของผู้นำเป็นสิ่งที่สำคัญ เราไม่ใช่เพียรพยามมุ่งเพิ่มจำนวนสมาชิกคริสเตียนในประเทศ ให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ แต่ควรจะออกมาจากภาระใจข้างใน ที่อยากจะเห็นประเทศไทย มีคริสตจักรเพื่อพระคริสต์ เหตุฉะนั้นผู้นำสายพันธุ์ใหม่จะไม่มาเสียเวลากับการทะเลาะถกเถียงสำคัญว่าตนถูกต้อง แต่ผู้นำจะต้องเป็นคนที่มีคุณธรรม มีจรรยาบรรณ ต่อลูกแกะ และต่อเพื่อนร่วมงานในองค์กรและต่างองค์การ ต้องไม่เป็นคนกินเล็กกินน้อยกับลูกแกะ หรือมัวแต่รีดนมลูกแกะกินทุกวัน หรือ มีอะไรแอบแฝงอยู่ภายในลึกๆ หากเราเป็นเช่นนั้นแล้ว เราจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งที่เราทุ่มเทออกไป ผู้รับใช้พระเจ้าอย่ารักษาอีโก้ไว้ในตัวเองมากเกินไป

7. มีความเชื่ออย่างพระเจ้า เรามักจะพยายามสร้างความเชื่อด้วยตัวเองขึ้นมา จึงทำให้ความเชื่อของเราไปไม่ยาวไกล มีขีดจำกัด ไม่สามารถไปตามที่เราฝันไว้ เพราะเราพยายามปั้นความฝันขึ้นมากันเอง ผู้นำสายพันธุ์ใหม่ มุ่งที่จะเสาะหาการมีความเชื่อตามอย่างพระเจ้า ความเชื่ออย่างพระเจ้า เป็นความเชื่อที่สามารถเคลื่อนภูเขาไปสู่ทะเลได้ ความเชื่ออย่างพระเจ้าสามารถแยกน้ำทะเลแดงออกจากกันเพื่อให้ชาวยิวกว่า 3 ล้านคนเดินผ่านได้ ความเชื่ออย่างพระเจ้าคือสามารถสั่งห้ามลมพายุใหญ่ให้สงบลงได้ แต่หลายครั้งที่ผู้นำมักจะถูกสมาชิกบ่นว่าต่างๆนาๆ ว่าไม่มีฤทธิ์เดช คำเทศนาที่ไม่ฤทธิ์เดช คำอธิษฐานที่แห้งๆ ขาดพลังบ้าง ถ้าจะกระตุ้นให้เป้าหมายสำเร็จ ผู้นำจะต้องมีความเชื่อ และผู้นำต้องขอความเชื่อจากพระเจ้าเป็นส่วนตัว งานของมนุษย์เราสามารถบริหารงานไปด้วยมันสมอง และวิธีการใหม่ๆ แต่งานของพระเจ้าเป็นงานสูง การที่จะพบความสำเร็จได้จะต้องอาศัยความเชื่ออย่างพระเจ้า ผู้นำที่ปราศจากความเชื่อก็เหมือนกับขวานทื้อๆ ทำงานบริหารองค์กร ทำให้องค์กรเสียประโยชน์เสียมากกว่า นำภาระหนักมาสู่คริสตจักรเปล่าๆ ทำงานของพระเจ้าเป็นผู้นำใจเสาะไม่ได้ จะต้องเปี่ยมด้วยพลังแห่งความเชื่อ

8. มีการปรับคนในองค์กรอยู่เสมอ รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยมักจะมีการปรับคณะ ครม.สม่ำเสมอ หากเห็นว่าบุคลกรทำงานไม่เวิรด์ เท่าที่ควรจะเป็น ซึ่งทุกฝ่ายต่างก็ต้องยอมรับความจริงๆ เช่นเดียวกันหน่วยงานองค์กรคริสเตียน ก็ต้องมีการพิจารณาตนเองว่าทำงานนั้นๆก้าวไปได้ดีเป็นที่พอใจหรือไม่ ไม่ใช่ว่าได้ก้าวขาขึ้นเก้าอี้แล้วจะไม่มีคำว่าก้าวขาลง รักษาการตำแหน่งอยู่อย่างนั้นตลอดปีตลอดชาติ ทำให้คริสตจักรไทยเติบโตได้ไม่เต็มลูกสูบ ไม่หนำใจยังพยายามสร้างรั้วป้องกันตำแหน่งของตนเองอีกต่างหาก ผู้นำสายพันธ์ใหม่จะไม่ยึดติดกับคำว่าตำแหน่ง แต่จะพิจารณาดูว่าตนเองมีกิ๊ฟท์ในด้านไหน ของประทานได้มาไม่เหมือนกัน หรอก พระเจ้าทรงวางเราไว้ในพระกายที่ต่างกัน แต่ก็เพื่อสนองด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันในพระคริสต์ ผู้นำองค์กรสายพันธุ์ใหม่จะไม่ยอมรับการเป็นกรรมการที่นั่นที่นี่ จนเวลาที่จะทำพันธกิจในท้องถิ่นไม่มี แต่เราจะออกไปทุ่มเทจิตวิญญาณลงเพื่อคริสตจักรท้องถิ่น ด้วยหัวใจผู้รับใช้พระเจ้าอย่างแท้จริง องค์กรต่างๆจะต้องไม่ควบคุมนิมิตของผู้นำแต่ละคน และผู้แต่ละคนก็ต้องเปิดใจกว้างที่จะให้โอกาสแก่คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานแทนตนเองบ้าง

**บทเรียน วันที่มิเรียมเจาะยางโมเสส **
กดว12: 1 มิเรียมและอาโรนได้พูดติโมเสส เหตุหญิงคนคูชที่ท่านได้แต่งงานด้วย เพราะโมเสสได้แต่งงานกับหญิงคนคูชคนหนึ่ง 2 เขาทั้งสองกล่าวว่า "พระเจ้าตรัสทางโมเสสคนเดียวเท่านั้นจริงหรือ พระองค์ไม่ตรัสทางเราบ้างหรือ" พระเจ้าทรงได้ยิน 3 โมเสสเป็นคนถ่อมใจมากยิ่งกว่าคนทั้งปวงที่พื้นแผ่นดิน 4 ทันใดนั้นพระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนกับมิเรียมว่า "เจ้าทั้งสามจงออกมาที่เต็นท์นัดพบ" เขาทั้งสามก็ออกมา 5 พระเจ้าก็เสด็จลงมาในเสาเมฆ ประทับยืนที่ประตูเต็นท์ ทรงเรียกอาโรนและมิเรียม เขาทั้งสองก็มาข้างหน้า 6 พระองค์ตรัสว่า "จงฟังถ้อยคำของเรา ถ้าจะมีผู้เผยพระวจนะท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย เราพระเจ้าจะสำแดงตัวแก่ผู้นั้นเป็นนิมิต เราจะพูดกับเขาทางฝัน
7 สำหรับโมเสสผู้รับใช้ของเราก็ไม่เป็นเช่นนั้น ในประชาชนของเราเขาสัตย์ซื่อ*
8 เราพูดกับเขาปากต่อปากอย่างชัดเจนไม่พูดเร้นลับ และเขาเห็นสัณฐานของพระเจ้า ไฉนเจ้าไม่กลัวที่จะพูดติโมเสสผู้รับใช้ของเรา"
9 พระเจ้าทรงกริ้วเขามาก แล้วเสด็จไปเสีย
10 เมื่อเมฆลอยพ้นเต็นท์ไป ดูเถิด มิเรียมก็เป็นโรคเรื้อนขาวดุจหิมะ อาโรนหันไปดูมิเรียม และดูเถิด นางเป็นโรคเรื้อน 11 และอาโรนพูดกับโมเสสว่า "ข้าแต่เจ้านายของข้าพเจ้า ขออย่าลงโทษแก่เราทั้งสองที่ได้กระทำความเขลาและบาปเช่นนี้ 12 ขออย่าให้มิเรียมเป็นเหมือนคนที่ตายแล้ว ดุจคนที่คลอดจากครรภ์มารดามีเนื้อกุดไปครึ่งหนึ่ง" 13 และโมเสสได้ร้องทูลพระเจ้าว่า "ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงรักษานาง ข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์" 14 แต่พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "ถ้าพ่อของนางถ่มน้ำลายรดหน้านาง นางจะละอายอยู่เจ็ดวันมิใช่หรือ จงกักนางไว้นอกค่ายเจ็ดวัน* ภายหลังจึงให้กลับเข้ามาได้" 15 ดังนั้นมิเรียมจึงถูกกักอยู่นอกค่ายเจ็ดวัน และประชาชนก็มิได้ยกเดินไปจนกว่ามิเรียมกลับเข้ามาอีก 16 แล้วประชาชนก็ยกเดินจากตำบลฮาเซโรท ไปตั้งค่ายอยู่ที่ถิ่นทุรกันดารปาราน

**ผู้นำต้องมีมีชีวิตอย่างโมเสส**
เป็นคนที่ถ่อมใจ และนิ่งจริงๆ ไม่หวั่นไหวไม่ต่อสู้ ไม่แก้ตัวประการใด ท่ามกลางแรงกดดันที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต ไม่มีช่วงใดที่เลวร้ายและยากเย็นเท่ากับเวลานี้แล้ว พี่สาวที่เคยช่วยชีวิตของเขาไว้ พี่ชายคืออาโรนที่พระเจ้าเลือกให้มาเป็นเพื่อนร่วมทางรับใช้ในขณะที่โมเสสกำลังกลัวไม่มั่นใจที่จะถวายตัวรับใช้พระเจ้า นำอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียีปต์ โมเสสจะทำอย่างไรเพราะนั่นก็พี่สาว นี่ก็พี่ชาย และเขาต้องเผชิญหน้ากับปัญหาในครอบครัวของเขาเอง เมื่อประชาชนของพระเจ้ามีปัญหา โมเสสเขายังสามารถเข้าไปเพื่อไกล่เกลี่ยและเคลียร์ปัญหาให้ได้หมด แต่นี่พี่น้องญาติของโมเสสมีปัญหากันเสียเอง ใครจะช่วยแก้ไขให้โมเสส บางทีโมเสสก็อาจจะอับอายที่ตัวเองและครอบครัวกลายเป็นตัวอย่างที่ใช้ไม่ได้ในสายตาของประชาชน โมเสสไม่สนใจว่าคนอื่นจะวิพากหรือตัดสินอะไรอย่างไร แต่สำหรับพระเจ้าพระองค์มองดูชีวิตของโมเสสว่าเขาเป็นคนสัตย์ซื่อ ใช้การได้ พระเจ้าไม่ได้ปิดบังอะไรจากโมเสส โมเสสได้ใจพระเจ้า เขายังเป็นตัวอย่างของการให้อภัยอีกต่างหาก หลายๆครั้งที่เราเป็นผู้นำเราจะพบคนที่แบ่งฝ่าย เลือกข้างและไม่เป็นฝ่ายเราเลย การพูดจาและการแสดงออกเห็นชัดเจนว่าเขาไม่ได้สนับสนุนเราอย่างแท้จริง เราจะทำอย่างไรล่ะ ผมคิดว่าหลายคนจะซึมไปเลย และแทบไม่เหลือแรงกำลังอยู่เลย บางทีคุณอาจจะร้องไห้และสับสนในจิตใจว่า คุณจะไปทำงานที่ไหนอีกต่อไป ครอบครัวจะทำอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงนี้ บางทีคุณก็น้อยใจเสียใจว่าที่ผ่านมานั้น มีแต่รับใช้ๆ และรับใช้ไม่ได้หาเงินทอง ไม่ได้สะสมเงินทองไว้บ้างเลย ชีวิตแหวนไว้กับคริสตจักร และพระเจ้า ผมคิดว่าบางคนอาจจะถึงกับไล่ค้นหาเบอร์โทรเพื่อหาที่ทำงานใหม่ๆ เพราะทนต่อการต่อต้านและการขัดขวางไม่ไหว โมเสสปล่อยให้พระเจ้าจัดการในเรื่องนี้ เรื่องบางเรื่องในฐานะผู้นำนะยากลำบากใจนะครับ คุณไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้โดยเฉพาะเรื่องนี้ เมื่อมีคนไม่สบายใจกับผู้นำ คุณจะไปแก้ตัวอย่างไร คุณเองก็ต้องเทศนาให้ทุกๆคนฟัง คุณจะต้องเก็บอารมณ์ไว้ให้ดีกว่าตอนที่ไม่เกิดเรื่องราวอะไรด้วยซ้ำไป เรื่องบางเรื่องที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ ให้ปล่อยวางให้พระเจ้าจัดการเองดีกว่า ไม่ได้หมายถึงว่าปล่อยปัญหาดองไว้จนอิ่มตัว ถ้าคุณยังมีความเชื่อว่าพระเจ้าคือเจ้าของคริสตจักรพระองค์ไถ่คริสตจักร พระองค์ทรงเรียกคุณมาทำงานตรงนี้ คุณจะสามารถมั่นใจว่าพระองค์นั้นจะดูแล และเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้แน่นอน ทางที่ดีคุณปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระองค์ดีกว่าเหมาะสมกว่า ปัญหาที่มิเรียมและอาโรนไม่พอใจโมเสสปัญหาไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเป็นเรื่องครอบครัว เรื่องภรรยา เป็นเรื่องการยอมรับชีวิตโมเสสมากขึ้น จึงทำให้เกิดความอิจฉาตาร้อน บวกกับว่าคนยิวบางพวกไม่อยากจะเดินทางต่อไปโดยการนำของโมเสส เขาอยากกลับไปอียีปต์ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ พวกเขาจึงหาเรื่องเข้าทางอาโรนและมีเรียม คนที่สำคัญต่อโมเสส คนที่มีบุญคุณต่อโมเสสคนที่มีอิทธิพลเพียงพอที่จะทำให้โมเสสเหนื่อยหน่ายและท้อใจถึงขั้นอยากจะตาย เช่นเดียวกับการเป็นผู้นำของคุณ บางทีคนเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่ไม่ชอบคุณ และเขาอยากจะโค่นล้มคุณ เขาอยากเอาชนะคุณชนิดที่ว่าไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกลเลยที่เดียว พวกเขาเหล่านั้นมีวิญญาณแห่งการแตกแยก และสร้างปัญหาเกิดขึ้นโดยใช้คนที่เขาสามารถใช้เป็นเครื่องมือได้เช่น กรรมการคริสตจักร หัวหน้าฝ่ายต่างๆ คนเก่าคนแก่ คนที่มีเสียงในหน่วยงานนั้นๆ มุ้งเล็กมุ้งน้อยจะเกิดขึ้นตามมาคุณเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะมีมุ้งเล็กมุ้งน้อยเกิดขึ้น มาถึงจุดนี้คุณต้องนิ่งเท่านั้นเอง มีหลายคนที่แสดงออกเป็นขั้วๆ ทำให้เกิดความวุ่นวาย และสร้างกระแสต่อต้านคุณทุกรูปแบบ พวกเขาจะโจมตีคุณชนิดที่ว่าไม่ยั้งมือเลยก็ว่าได้ คุณต้องเข้าหาพระเจ้าเท่านั้นเอง คุณอย่าได้เล่าเรื่องที่คุณหนักอกหนักใจให้เด็กๆ หรือคนบางคนที่แกล้งอยากเข้ามารับรู้เรื่องนี้ ทำทีว่าหวังดีแต่เขาประสงค์ร้ายชัดๆ เป็นตัวการที่ทำให้เรื่องไม่จบง่ายๆ ยิ่งยุคนี้เป็นยุคไอทีการติดต่อสื่อสารไวเพียงครู่ใหญ่สิ่งที่คุณเล่าให้ใครฟังจะไปถึงฝ่ายตรงข้าม และมันจะกลับมาถึงคุณเอง นิ่งไว้ก่อนดีที่สุดและอธิษฐานดูว่าในสถานการณ์เช่นนี้ยังมีใครที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณที่พอจะปรึกษาเขาได้บ้าง พระเจ้าไม่เข้าข้างคนชั่วสุดท้ายเรื่องของมิเรียมก็บอาโรนสอนเราว่า พระเจ้าไม่เข้าข้างคนชั่ว คนที่ชอบสร้างปัญหาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ พระเจ้าไม่ใช่คนโง่เขลาที่จะไม่รู้อะไร แต่พระองค์ทรงชันสูตรไปถึงจิตใจภายในของแต่ละคน หน้าที่ของเราคือให้ใจบริสุทธิ์ มีสิ่งใดที่เราต้องแก้ไขกับพระเจ้าสำคัญมากๆ ใครจะว่าอะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าพระเจ้าว่าอย่างไรในเรื่องนั้น คุณไม่ต้องสนใจว่ามนุษย์ หรือสมาชิกบางคนเลือกฟาก ไม่อยู่เคียงข้างคุณ แต่คุณต้องอยู่ฟากพระเจ้าให้มากที่สุด ดำเนินชีวิตในความจริง ความจริงจะให้คุณเป็นอิสระเป็นไทย ไม่มีอะไรทำร้ายคุณได้ แม้ว่าจะเผชิญกับเรื่องราวอะไรมากมาย คุณจะผ่านได้โดยพระเจ้า เช่นเดียวกับเปาโลเขาพบความจริงว่า โดยพระเจ้าเขาผจญทุกอย่างได้ วันนี้คุณก็จะผ่านปัญหาต่างๆได้โดยพระเจ้าเท่านั้น เช็ดน้ำตาของคุณเสียแล้วเดินก้าวไปอย่างมั่นใจ ขอเพียงคุณดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง และเสมอต้นเสมอปลาอยู่กับพระเจ้า อย่ามีวาระซ่อนเร้นต่อพระเจ้า เพราะถ้าคุณเองบกพร่องและทำผิดพลาดพระเจ้าก็ไม่ไว้คุณเหมือนกัน พระเจ้าทรงลงโทษมิเรียมทำให้เธอหมดสง่าราศี และต้องปลีกตัวแยกตัวออกจากประชาชน แม้ว่าตอนแรกๆเขาจะพยายามแยกฝูงชนออกจากโมเสส เพื่อนำมาเป็นของเขาเสียเอง ให้ทุกคนสงสารเขา หรือเห็นเขาเป็นสตรีตัวอย่าง เป็นคนน่ายกย่อง แต่มือของเธอไม่สอาดพระเจ้ารู้แต่ไม่เป็นใจมิเรียม พระเจ้าลงโทษเธอให้หมดสง่าราศี หมดสันติสุข และอับอาย มีโรคภัยเกิดขึ้นและต้องถูกแยกตัวออกไปเป็นชีวิตที่น่าเกลียดน่าชัง สังคมดูหมิ่นวิพากวิจารณ์ แม้ตอนแรกมิเรียมเคยนั่งวงวิพากวิจารณ์โมเสสในหลายๆด้านของการเป็นผู้นำ เขาลืมไปว่าโมเสสเป็นคนของใคร ใครเลือกสรรเขา ใครแต่งตั้งเขา ใครที่เรียกเขาให้มาทำงานใหญ่เช่นนั้น เช่นเดียวกันบางคนที่ชอบสร้างปัญหา นิสัยใจคอพยองเขาคิดว่าตัวของเขาเก่ง และมีอะไรดีบางทีก็หลงตัวเองคิดว่าตัวเองมีอะไรๆที่ดีกว่าผู้นำ เขาเลยมองผิดไป คุณสำคัญที่ว่าคุณยังมั่นใจอยู่ไหมว่าพระเจ้าทรงนำพาคุณให้มาทำงานของพระองค์ที่นี่ ร้อยทั้งร้อยหลายคนที่เจอปัญหใหญ่มักจะสงสัยถามว่า พระเจ้าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าไหมเนี้ย หากพระองค์นำพาแล้วใยจึงเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ประเด็นคือว่าคุณอย่าเป็นทุกข์ร้อนใจไปก่อน อย่าเดือดก่อนต้มน้ำ อย่าตอบก่อนถาม อย่าลามก่อนไหม้ ทำตัวเป็นพระเอกไว้ได้เลยโมเสสไม่หวั่นไหวประการใด เขาดูแล้วนิ่งมากๆ เหมือนไม่ใช่คนดูเหมือนเป็นเทวดา เป็นอย่างไรถ้าโมเสสเถียงพี่สาวและพี่ชาย แม้ว่าเขาสามารถและในฐานะเป็นผู้นำชาวอสราเอลโมเสสสามารถทำได้ เขาสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ โมเสสมีคนมากมายที่จงรักภักดี แต่ทำไมโมเสสยังนิ่งอยู่ เขาทำตัวประมาณว่าตัวเขาเป็นศรราม หรือเป็นสมบัติเมทะนีพระเอกรุ่นเก่า ยอมเป็นเบี้ยยอมเป็นผู้ถูกกระทำ และสุดท้ายพระเจ้าก็เข้ามาแก้ไขให้เขา และเขาก็ยังได้วิงวอนขอพระเจ้ายกโทษมิเรียม น้ำใจเช่นนี้หาได้ยากในฐานะการเป็นผู้นำ การไม่จองเวรเป็นเรื่องสำคัญ ผู้นำต้องมีจิตวิญญาณที่สูงกว่า เราต้องเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่ไล่เช็คบิลภายหลัง นั่นเป็นนิสัยนักการเมืองปัจจุบัน พระราชกิจของพระเจ้าไม่ทำอย่างนักการเมือง เมื่อใครก็ตามทำผิดต่อเรา หากพระเจ้าตัดสินแล้ว เราก็อภัยให้ซึ่งกันและกัน ลืมเสียเถิดวันที่เลวร้าย เม้าส์มาเสียตั้งนาน ขอให้บทความข้อเขียนเรื่องนี้เป็นคำหนุนใจให้ข้อคิดกับผู้อ่านทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพี่น้อง หรือผู้นำที่กำลังเผชิญกับช่วงเลาที่ยากเช่นเดียวกับโมเสส ผมก็กำลังเรียนรู้กับเรื่องเหล่านี้อยู่ทุกๆวัน เราจะผ่านพ้นปัญหาต่างๆได้โดยพระเจ้า เรากำลังรับใช้พระองค์อยู่เราข้าราชการของพระเจ้า ขอเพียงเราทำดี เดินในทางถูกต้องพระเจ้าคุ้มครองไว้เชื่อเถิด ขอพระเจ้าโปรดนำการชูใจมายังพี่น้องทุกท่าน ......อาเมน.

ผู้นำฝ่ายวิญญาน

นำฝ่ายจิตวิญญาณ Spiritual Leadership
By : J. Oswald Sanders , กนกบรรณสาร

คริสเตียนทุกคนเป็นหนี้พระคุณของพระเจ้าจนต้องใช้ชีวิตให้เต็มขีดความสามารถ คือ พัฒนาของประทานและความสามารถที่พระเจ้าประทานมานั้นให้มากที่สุด ความทะเยอทะยานใด ๆ ที่เน้นและมีเป้าหมายเพื่อตัวเองเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ในทางตรงกันข้าม ความทะเยอทะยานที่มุ่งจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและมุ่งให้คริสตจักรเกิดสวัสดิภาพ ก็ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงามเท่านั้น หากยังน่าสรรเสริญอย่างยิ่ง
การเป็นใหญ่หรือเป็นผู้นำที่แท้จริงมิได้เกิดจากการกดคนอื่นให้ก้มหัวรับใช้เรา แต่เป็นการยอมรับใช้ผู้อื่นโดยไม่นึกถึงตัวเองและการที่จะทำเช่นนี้ได้ ต้องมีใจเสียสละ จะต้องดื่มจากถ้วยแห่งความขมขื่น และรับบัพติศมาแห่งความเจ็บปวด ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณที่แท้จริงจะห่วงใยการรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ยิ่งกว่าผลประโยชน์และความสุขสบายในชีวิต เขามุ่งที่จะ “ให้” มากกว่าจะ “ได้”

...ของประทานฝ่ายวิญญาณไม่ได้เข้ามาแทนที่พรสวรรค์ แต่เข้ามาเสริมสร้างและกระตุ้นพรสวรรค์ให้มีระดับสูงขึ้น การบังเกิดใหม่ไม่ได้เปลี่ยนความสามารถที่มีอยู่ตามธรรมชาติ แต่เมื่อเรามอบความสามารถไว้ภายใต้การครอบครองของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะพบความสำเร็จใหม่ และความสามารถที่ซ่อนอยู่ได้ถูกดึงออกมาใช้ด้วย
ผู้ที่พระเจ้าเรียกให้เป็นผู้นำ สามารถคาดหวังอย่างมั่นใจได้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ให้ของประทานฝ่ายวิญญาณที่เขาต้องการไว้แล้ว เพราะจุดประสงค์ของประทาน คือ ทำให้คนนั้นมีความสามารถเหมาะสมกับงานที่พระคริสต์มอบให้เขาทำเพื่อคริสตจักร เป็นที่น่าสังเกตว่า ของประทานต่างๆ นั้นไม่มีแม้แต่สิ่งเดียวที่เกี่ยวข้องกับบุคลิกลักษณะของเราเลย ของประทานฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้ก็เพื่อประโยชน์ในการรับใช้

...ผู้นำส่วนใหญ่จะเป็นคนโดดเดี่ยวอยู่แล้วโดยธรรมชาติ เพราะเขาต้องเป็นคนนำหน้าเพื่อนร่วมงาน ถึงแม้เขาเข้ากับคนอื่นได้ง่าย แต่ก็ยังมีบางด้านของชีวิตที่เขาต้องไปคนเดียว ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนล้วนต้องการเพื่อนฝูง มีความปรารถนาที่อยากจะแบ่งปันความห่วงใยและภาระรับผิดชอบหนักให้กับผู้อื่น บางทีจิตใจของผู้นำแทบแตกสลายเมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ ซึ่งจะมีผลกระทบถึงเพื่อนร่วมงานอันเป็นที่รักของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องตัดสินใจคนเดียว เมื่อเรารับใช้พระเจ้ามากขึ้น จะเกิดความกดดันเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจทำอะไร พระเจ้าจะตอบสนองความไว้วางใจที่เรามีต่อพระองค์อย่างทันเวลาแน่นอนเสมอ

เธอคนนั้นที่ใกล้หัวใจของคุณ

เธอคนนั้นที่ใกล้หัวใจของคุณ

เมื่อคุณกำเนิดมาในโลกนี้ เธออุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณเธอโดยการร้องไห้
เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ เธอป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณเธอโดยการงอแงทั้งคืนวัน
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ เธอสอนคุณเดิน คุณขอบคุณเธอด้วยการวิ่งหนีเมื่อเธอเรียกหา
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ เธอเดินไปส่งคุณไปโรงเรียน คุณขอบคุณเธอด้วยการกรีดร้องว่า “ไม่ไป !!!”
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ เธอพาคุณและเพื่อนคุณไปดูหนัง คุณขอบคุณเธอด้วยการขอนั่งที่นั่งคนละแถว
เมื่อคุณอายุ 13 เธอแนะให้คุณตัดผมให้มันดูดี คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่าเธอไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย
เมื่อคุณอายุ 15 เธอกลับบ้านหลังเลิกงาน อยากได้กอดสักครั้ง คุณขอบคุณเธอด้วยการล็อกห้องนอนขังตัวเองในห้อง
เมื่อคุณอายุ 19 เธอจ่ายค่ากวดวิชา ขับรถไปรับไปส่ง คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกลาข้างนอก เพื่อที่จะไม่ได้อายเพื่อน
เมื่อคุณอายุ 20 เธอถามคุณว่ามีแฟนหรือยัง คุณขอบคุณเธอด้วยการพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องของแม่สักหน่อย”
เมื่อคุณอายุ 24 เธอพบคู่หมั้นคู่หมายของคุณและถามคุณเกี่ยวกับแผนการในอนาคต คุณขอบคุณเธอด้วยการจ้องมองเขม็งพร้อมพูดว่า “แม่ โปรดเถอะอย่ายุ่งกับเรื่องนี้”
เมื่อคุณอายุ 25 เธอช่วยคุณจ่ายค่าใช้จ่ายงานแต่งงานและสินสอด ร้องไห้และบอกคุณว่า เธอรักคุณแค่ไหน คุณขอบคุณเธอด้วยการย้ายไปอีกฟากหนึ่งของประเทศ
เมื่อคุณอายุ 30 เธอโทรมาหาพร้อมกับแนะนำเรื่องการเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า “สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว”
เมื่อคุณอายุ 40 เธอโทรมาเตือนความจำคุณเกี่ยวกับวันคล้ายวันเกิดญาติ คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า “ตอนนี้ไม่ว่างเลย”
เมื่อคุณอายุ 50 เธอเริ่มชราและไม่ค่อยสบาย ต้องการให้ดูแล คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่ามันเป็นภาระแค่ไหนที่จะต้องเลี้ยงดูเธอ
และแล้ว วันหนึ่ง เธอจากไปอย่างเงียบสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยกระทำจะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณเอง “เรียกแม่ไปเถอะลูก เรียกตลอดทั้งคืนนะ”
โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่คนที่เราเรียกว่า “แม่” แม้จะไม่กล้าพูดออกมาก็ตาม ไม่มีอะไรแทนที่เธอได้ แม้ว่าบางคราวเธออาจจะไม่ได้เป็นคนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรืออาจไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณ แต่เธอก็คือแม่ของคุณและเชื่อได้ว่าเธอจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังทุกปัญหาทุกความกังวล ถามตัวคุณเองดูเถิด คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้า ความกังวลใจของเธอจากการทำงาน หรือจากในครัวบ้างไหม คุณเคยคิดถึงความเหนื่อยยากของเธอไหม รักเธอให้มาก แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างกัน เพราะเมื่อเธอจากไปจะเหลือเพียงความทรงจำและความเสียใจเท่านั้น อย่าเพิกเฉยกับคนที่ใกล้หัวใจคุณที่สุด รักเธอให้มากกว่าที่คุณรักตัวเอง

108-1009 เล่ม 1 โดย ศจ.ดร.มาโนช แจ้งมุข BBCS

คนที่ประสบความสำเร็จ

คนที่ประสบความสำเร็จจะเผชิญกับปัญหามากกว่าคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ

ความเข้าใจผิดที่พบเห็นทั่วไปข้อหนึ่งคือความคิดที่ว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ก็เพราะพวกเขาไม่พบปัญหา แต่นั่นไม่ใช่ความจริง ในหนังสือเรื่อง เหงื่อศักดิ์สิทธิ์ (Holy Sweat) ทิม แฮนเซล เล่าเรื่องไว้ดังนี้

ในปี 1962 วิคเตอร์และไมลเดรด เกิร์ทเซลได้ตีพิมพ์เปิดเผยผลการศึกษาบุคคลซึ่งมีชื่อเสียงและมีพรสวรรค์อันโดดเด่น 413 ราย การศึกษาดังกล่าวมีชื่อว่า แหล่งกำเนิดชื่อเสียง (Cradles of Eminence) นักวิจัยสองท่านนี้ใช้เวลาหลายปี ในการพยายามทำความเข้าใจถึงแหล่งที่มาแห่งความยิ่งใหญ่ของบุคคลเหล่านี้ ซึ่งเป็นหลักสำคัญพื้นฐานที่พบเห็นทั่วไปในชีวิตของบุคคลโดดเด่นเหล่านี้ ข้อเท็จจริงที่เด่นที่สุด ก็คือ เกือบทุกคนหรือ 392 คนต้องเอาชนะอุปสรรคซึ่งยากลำบากมาก กว่าจะมาเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ปัญหาของพวกเขากลายเป็นโอกาสแทนที่จะเป็นอุปสรรค

ไม่เพียงแต่บุคคลจะเอาชนะอุปสรรคเพื่อความสำเร็จเท่านั้น แม้จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาก็ยังคงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่อไปอีกอย่างต่อเนื่อง ข่าวร้ายก็คือยิ่งบุคคลไต่ขึ้นไปสูงมากเท่าไร ทั้งทางด้านเรื่องส่วนตัวและทางด้านหน้าที่การงาน ความซับซ้อนยุ่งยากในชีวิตก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นตารางเวลาที่แน่นหนาขึ้น มีเรื่องต้องใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น ถูกคาดหวังมากขึ้น แต่ข่าวดีก็คือ ถ้าพวกเขาเติบโตและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการจัดการกับปัญหาก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

Becoming a Person of Influence / จอมอิทธิพล By : John C.Maxwell & Jim Dornan

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

สิ่งจำเป็นที่ปรารถนา ( what i need )

What I Need สิ่งจำเป็น...ที่ปรารถนา

I need a strength to keep me true ฉันต้องการยืนหยัดความสัตย์จริง
And straight in whatever I do. และซื่อตรงในทุกสิ่งจริงใจหนา
I need a power to keep me strong ฉันต้องการกำลังแข็งแรงตลอดเวลา
When I am tempted to do wrong: เพื่อต้านการทำผิดเมื่อมารล่อลวงมา
I need a grace to keep me pure ฉันต้องการพระคุณเพื่อคุ้มครองให้บริสุทธิ์
When passion tries its deadly lure: เมื่อมีเหตุต้องสะดุดด้วยกิเลสและตัณหา
I need a love to keep me sweet ฉันต้องการความรักหวานทุกครา
When hardness and mistrust I meet: เมื่อพบความกังขา และความรุนแรง
I need an arm to be my stay ฉันต้องการอ้อมแขนแสนอบอุ่น
When dark with trouble grows my day: เมื่อความชั่วร้ายรุมเร้าจนอับแสง
And nothing on earth can these afford ดูเหมือนจะสิ้นหวังและหมดแรง
But all is found in Christ my LORD. แต่พระคริสต์ผู้ทรงเข้มแข็งทรงประทานความต้องการทั้งมวล


108-1009 เล่ม 1 โดย ศจ.ดร.มาโนช แจ้งมุข BBCS

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

แค้นนี้ต้องให้อภัย ( บทความจากคริสตจักรร่มเย็น)

แค้นนี้ต้องอภัย
ความแค้นเป็นอารมณ์ครุกรุ่นอยู่ภายในเหมือนมีไฟที่มาสุ่มหัวอก เป็นอารมณ์แห่งความเกลียด ความขมขื่น เจ็บปวด ที่เกิดจากความเข้าใจว่าตนถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมทั้งร่างกายและจิตใจ และพร้อมที่จะตอบโต้ให้สาสมกับความแค้นภายใน ผมได้ยินคำพูดจากผู้นิยมหนังจีนบ่อยๆ ว่า “บุญคุณต้องตอบแทน แค้นนี้ต้องชำระ” ผมเห็นด้วยกับคำว่า “บุญคุณต้องตอบแทน” แต่ไม่เห็นด้วยกับคำว่า “แค้นนี้ต้องชำระ” แต่ขอให้เปลี่ยนเป็น “แค้นนี้ต้องให้อภัย” แทน ถึงแม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยกับการแก้แค้น แต่ถึงกระนั้นผมรู้สึกเห็นใจ บุคคลต่างๆ เหล่านั้นที่ถูกกระทำทารุณกรรมจากบางคนที่ขาดมนุษยธรรม ขาดเมตตาจิต หรือถูกโกง ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยไม่มีทางต่อสู้ ผมเข้าใจในความเจ็บปวด ในขณะเดียวกันผมก็พบว่ามีหลายคนที่มีความเคียดแค้นและรู้สึกอยากล้างแค้นบางคนบนพื้นฐานที่เข้าใจผิด ได้ข้อมูลผิดๆ และเชื่อในข้อมูลผิดๆ นั้นโดยไม่ได้มีการศึกษาข้อมูลเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคคลที่เราเคารพและสนิทสนม ฉะนั้นก่อนลงมือระบายความแค้นไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือการกระทำ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง คนเราต้องมี สติ ยั้งคิด พร้อมถามตัวเองว่า การล้างแค้นหรือแก้แค้นที่จะกระทำอะไรตอบแทน ผลที่ได้จะคุ้มเสียหรือไม่ มันสามารถแก้ปัญหาได้จริงๆ หรือเปล่า บุคคลที่เราแก้แค้นเขามีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เราแค้นจริงๆ หรือเปล่า เรามีทางอื่นที่สามารถแก้ปมสลายความแค้นในทางสร้างสรรค์ได้ไหม ? ผมรู้จักบางคนไม่เพียงเก็บความแค้นไว้กับตัวเท่านั้น เขายังถ่ายทอดมรดกความแค้นไปยังลูกหลานสืบทอดต่อไปด้วย ผลกระทบจากการแก้แค้นหรือล้างแค้นกันนำความเสียหายมาให้แก่กันและกันโดยไม่อาจประเมินได้ แต่ผลที่ได้รับชั่วขณะจิตคือ สะใจ และผลระยะยาวคือความสูญเสียและเสียใจอันยาวนาน มีข้อพระคัมภีร์ในพระธรรมสุภาษิตสอนเราว่า เราควรระวังใจเราอย่างไรเมื่อมีบุคคลปฏิบัติไม่ดีต่อเรา “อย่าพูดว่า ข้าจะแก้แค้นเจ้าสำหรับความผิดครั้งนี้ จงรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะแก้แค้นแทนเจ้า” สุภาษิต 20:22 “อย่าพูดว่า ตอนนี้เป็นทีของเราแล้วจะได้แก้แค้นสิ่งที่เขาทำกับเราไว้” สุภาษิต 24:29 นอกจากนี้คริสตชนได้น้อมรับคำสอนและแบบอย่างของชีวิตพระคริสต์มาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่ไม่ให้มีการล้างแค้นกันโดยมีคำสอนว่า“อย่าทำชั่วตอบแทนการชั่ว จงใส่ใจที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของทุกคน ถ้าเป็นได้เท่าที่เรื่องขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่ร่วมกับทุกคนอย่างสงบสุข เพื่อนเอ๋ยอย่าแก้แค้น แต่จงปล่อยให้พระเจ้าสำแดงพระพิโรธ เพราะมีคำเขียนไว้ว่า “การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเราเอง เราจะคืนสนอง” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ อย่าแก้แค้นเลย ตรงกันข้าม “หากศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารแก่เขา เมื่อเขากระหายจงให้เขาดื่ม การทำเช่นนี้ ท่านจะสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา” อย่าพ่ายแพ้แก่ความชั่ว แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี” โรม 12:17-21“อย่าทำชั่วตอบแทนการชั่ว อย่าด่าว่าผู้ที่ด่าว่าท่าน แต่จงให้พรเขาแทน เพราะพระเจ้าได้ทรงเรียกท่านให้ทำเช่นนี้เพื่อท่านจะรับพรเป็นมรดก” 1 เปโตร 3:9 เหตุที่พระเจ้าให้เรามอบการล้างแค้นกับพระองค์เพราะพระเจ้าทราบดีว่ามนุษย์มีความจำกัดเรื่องความอดกลั้น การควบคุมตัวเอง ความรู้ ความยุติธรรม และความชอบธรรม พระองค์มีทางที่ดีกว่าที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันในที่สุด พระเจ้าทราบวิธีที่จะเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร พระเจ้าสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นสิ่งดี หน้าที่ของเราคือ แค้นนี้ต้องให้อภัย แล้วใจจะมีความสงบสุข พระเจ้าจะนำพาและให้สติปัญญาให้มีทางออกด้วยหลักนิติธรรม คุณธรรม และชอบธรรม ในเวลาของพระองค์ จงสงบนิ่งและเราจะเห็นความช่วยเหลือที่มาจากพระเจ้า

สิ่งที่แน่นอน

ชายสุขภาพไม่ดีคนหนึ่งตัดสินใจที่ย้ายไปอยู่ในที่อากาศอบอุ่น และเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ได้ที่ทางถูกต้องเขาจึงไปแวะดูหลายที่ เมื่ออยู่ในรัฐอาริโซนาเขาก็ถามคนที่นั่นว่า ที่นี่อุณหภูมิเฉลี่ยเท่าไหร่ แล้วความชื้นล่ะ มีแดดออกกี่วัน เขาก็ได้รับคำตอบว่า ก็เหมือน ๆ กับที่ที่คุณมานั่นแหละ เกิดหนึ่งก็ตายหนึ่งเท่านั้น
แม้วิวัฒนาการทางการแพทย์จะทำให้คนมีอายุยืนขึ้น แตอัตราการตายก็ยังคงเหมือนเดิม " มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว" (ฮบ. 9:27) เพราะว่า " ทุกคนทำบาป" (รม. 3:23) และ " ค่าจ้างของความบาปก็คือความตาย" ( 6: 23 )
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องดำเนินชีวิตที่ถูกต้องว่า หลังชีวิตคือความตาย และหลังความตายคือการพิพากษา และทุกคนที่เชื่อในพระคริสต์เพื่อรับความรอดและจะออกมาจากหลุมฝังศพและ " ฟื้นขึ้นสู่ชีวิต" แต่คนที่ปฎิเสพระองค์จะ " ฟื้นสู่การพิพากษา" (ยน. 5:29 ) สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ ความตายคือตราประทับสู่ความพินาศ แสหรับผู้เชื่อ ความตายคือหนทางไปส่ศักดิ์ศรี
บุคคลที่ยอมรับความจริงว่าไม่มีใครหนีความตายพ้นคือคนฉลาด แต่คนที่เตรียมพร้อมสำหรับความตายก็ฉลาดยิ่งกว่า

ชาวนากับต้นแอปเปิ้ล

คราวหนึ่งชาวนายากจนมีสหายคนหนึ่ง มีชื่อเสียงในการปลูกต้นแอปเปิ้ลได้อย่างอัศจรรย์ เขาดีใจมากที่ได้รับต้นแอปเปิ้ลจากสหายผู้นั้นไปปลูก ดุจได้รับของขวัญอันยิ่งใหญ่ ครั้นเอาไปถึงที่บ้านเขาตัดสินใจไม่ได้ว่าจะปลูกต้นแอปเปิ้ลนั้นไว้ที่ไหนดี ถ้าปลูกไว้ใกล้ถนนก็เกรงว่าต้นแอปเปิ้ลจะถูกขโมย ถ้าปลูกไว้ในไร่ก็เกรงว่าเพื่อนบ้านอาจขโมยในเวลากลางคืน ถ้าปลูกไว้ในบ้านของตนเกรงว่าเด็ก ๆ จะมาเด็ดผลเอาไปเล่นตอนยังไม่แก่
ในที่สุดเขาปลูกต้นแอปเปิ้ลไว้ในป่าลึกเร้นลับจนไม่มีใครรู้ใครเห็น แต่เนื่องจากต้นไม้นั้นไม่ได้รับแสงแดดและดินดี ไม่ช้ามันก็ตายไปตามธรรมชาติ ต่อมาเมื่อพบกับเพื่อน เพื่อนถามว่าทำไมถึงปลูกไว้ในที่ซึ่งไม่ได้เรื่องอย่างนั้น " ถ้าปลูกไว้ใกล้ถนน คนแปลกหน้าจะโขมยลูก ถ้าปลูกไว้ในไร่เพื่อนบ้านจะมาขโมยตอนกลางคืน ถ้าปลูกใกล้บ้าน พวกลูก ๆ จะมาเอาผลไปหมด " ใช่แล้ว" เพื่อนตอบ แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนได้ประโยชน์บ้าง แต่ตอนนี้เพื่อนได้ขโมยผลไม้นั้นจากทุก ๆ คน และทำลายต้นไม้ที่ดีไปต้นหนึ่ง ด้วยความโง่เขลาของเพื่อนเองแท้ ๆ

ภาวะความเครียด

ภาวะความเครียด
สังคมมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นชาติใดภาษาใดกำลังเผชิญกับภาวะความเครียด และกำลังศึกษาอย่างจริงจังว่าจะมีระบบการจัดการกับความเครียดที่ได้ผลที่สุดคืออะไร ปกติแล้วความเครียดระดับหนึ่งให้ประโยชน์ กล่าวคือการค่อยๆ เพิ่มความเครียดช่วยให้มีผลทางปฏิบัติงาน มีบางคนที่ทำงานได้ดีภายใต้ความกดดัน บุคคลที่มีความยืดหยุ่นและสามารถควบคุมความเครียดจะผลักดันให้คนนั้นหยุดนิ่งไม่ได้ แต่ถ้าการบริหารจัดการความเครียดล้มเหลว ความเครียดจะกลายเป็นภัยร้ายแรงและน่ากลัว มีคนเปรียบความเครียดในคนเหมือนกับการเติมลมยางรถยนต์ ถ้าเราเติมพอดีรถก็จะวิ่งฉิววิ่งเรียบ แต่ถ้าเติมลมน้อยยางแบนรถแล่นไปทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าลงหลุมเล็กหลุมน้อยไปตลอดทางและจะเลี้ยวก็ดูจะฝืดและแข็ง แต่ถ้าเติมเต็มมากเกินไปรถจะแล่นไม่เรียบกระโดดกระเด้งตลอดเวลาและยากต่อการควบคุมแฉลบออกนอกทางง่าย คนเราก็เช่นกันถ้าไม่มีความกดดันอะไรเลยก็จะกลายเป็นคนเฉื่อยไม่ยอมทำอะไร เขาเป็นคนไม่มีเป้าหมายอะไร ถึงก็ชังไม่ถึงก็ชัง จะทำหรือไม่ทำก็ไม่มีใครว่า สอบได้สอบตกก็ได้ขึ้นชั้น ทำดีก็ได้ไม่ต้องทำก็ได้ถึงปีก็ได้เลื่อนขั้น ดังที่เขาพูดกันว่าความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฏเลื่อนหนึ่งขั้น ในเวลาเดียวกันถ้าเติมความเครียดจนเกินไปอยู่กับความเครียดนานๆ ก็จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ฉะนั้นการบริหารจัดการความเครียดอย่างมีเหตุมีผล ถูกหลักการ จะทำให้ชีวิตโลดแล่นไปสู่จุดหมายปลายทางอย่างภาคภูมิใจความเครียดเกิดขึ้นอย่างไร ภาวะความเครียดมีที่มา 2 แหล่ง แหล่งแรกเกิดจากผลกระทบที่เกิดขึ้นภายนอก ส่วนแหล่งที่สองเกิดจากผลกระทบภายใน ผลกระทบจากภายนอกได้แก่การแบกภาระหน้าที่การงานหนักนานเกินไป ภาระดูแลครอบครัวเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่ลูกๆ เรียกร้องเกินกว่าที่จะแบกได้หรือไม่ก็ข้อเรียกร้องของพ่อแม่ต้องการจากลูกมากเกินไป หรือไปเป็นหนี้เป็นสินจำนองบ้านที่ดินกำลังจะถูกริบ ทั้งหมดนี้เป็นความกดดันจากปัญหาภายนอกที่สร้างความเครียดแก่เรา ส่วนผลกระทบจากภายในคือปฏิกิริยาต่อสิ่งต่างๆ ที่ได้กล่าวแล้ว ปัญหาร้องขอมีมากมายแต่แหล่งที่จะตอบสนองปัญหาดังกล่าวมีน้อยหรือไม่มี นี่แหละตัวสร้างความกดดันสร้างความเครียดให้กับชีวิตนอกจากเหตุผลดังกล่าวแล้วตัวสร้างความเครียดภายในยังมีความอยากหรือตัณหา อารมณ์ ทัศนคติ ความคาดหวังในความสำเร็จ ความต้องการให้คนอื่นมองดูตนดีและรู้สึกดี ความวิตกกังวล ความอิจฉาริษยา ความแค้นเคือง ความขัดข้องหมองใจ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สร้างความเครียดทั้งสิ้นเราต้องตระหนักว่า เราเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการความเครียด ความเครียดจะอยู่ระดับใดเราเป็นผู้เลือก ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องมีสติ และ มีปัญญา ความเครียดหลายอย่างเราหลีกเลี่ยงได้ เช่น เป็นคนประหยัด อดออม มีวินัยในการทำงาน มีการวางแผนที่ดี รู้จักประมาณตน รู้จักการวางความสำคัญให้ถูกตำแหน่ง ฯลฯ จงควบคุมและจัดการความเครียดก่อนที่ความเครียดจะมาจัดการเรา

เอาชนะความโลภ ( 1ทิโมธี 6: 6-19 )

ความโลภ - มันได้โค่นผู้บริหารค่าตัวแพงทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่หล่ม คนงานนับพันตกงานและไม่ได้รับเงินจากกองทุนเกษียณ คอลัมนีสต์คนหนึ่งเขียนไว้ว่า ความโลภในบริษัทที่ควบคุมไม่ได้นั้นเลวร้ายกว่าขบวนการก่อการร้าย ความโลภกระซิบข้างหูว่า เราคงมีความสุขขึ้นถ้ามีเงินมากขึ้น มีข้าวของมากขึ้นและมีอำนาจมากขึ้น มันทำให้เกิดความไม่พอใจและความปรารถนาที่จะทำอะไรก็ได้เพื่อตำแหน่งและทรพย์สิ่งของ แต่พระคัมภีร์สั่งให้เราวางใจพระเจ้า ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ไม่เที่ยง ( 1 ทธ. 6:17 ) เปาโลบอกทิโมธีว่า วิธีเอาชนะความโลภก็คือการห่างจากมันและ " มุ่งมั่นความชอบธรรมของพระเจ้า ความเชื่อ ความรักความอดทน และความอ่อนสุภาพ ( 1 ทธ. 6:11) และคนที่มั่งมีฝ่ายโลกซึ่งมีมากกว่าที่จำเป็นควรจะ " กระทำดีมาก ๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และไม่เห็นแก่ตัว" (ข้อ 17-18 )
ความพอใจและความใจกว้างอยู่ตรงข้ามกับความโลภ ( ข้อ 6-8 ) เมื่อเราขอบคุณพระเจ้าในสิ่งที่มีและแบ่งปันกับผู้อื่น เราก็จะหยุดหาสิ่งของมาเติมเต็มความว่างเปล่าฝ่ายวิญญาณในหัวใจ เมื่เรกพระเยซูมากกว่าเงินและทรัพย์สิน เราก็จะพบว่าพระองค์เป็นมหาสมบัติในชีวิต และการรู้จักพระองค์ คือแหล่งแห่งความอิ่มใจอย่างแท้จริง

คลื่น

คลื่น
แสงจันทร์ที่สาดแสงลงไปบนแผ่นผิวของแม่น้ำหรือทะเลเวลาค่ำคืน สร้างความรู้สึกที่ดีช่วยสร้างจินตนาการและทำให้รู้สึกสงบในจิตใจ ฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยทำไมคนจึงชอบใช้เวลากับบรรยากาศเช่นนี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายภาพที่พูดถึงนี้ไม่อาจมีให้ดูตลอดเวลา เพราะมันขึ้นอยู่กับฤดูกาลและเวลาที่เหมาะ ความงดงามของแสงสะท้อนดวงจันทร์บนผิวน้ำจะเปลี่ยนไปเมื่อลมแรงๆ มาปะทะผิวน้ำ หรือมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดก่อให้เกิดคลื่น ทำให้ผิวน้ำกระเพื่อม ความงามของแสงจันทร์ที่ติดกับผิวน้ำก็จะหายไป ความอภิรมย์และเวลาแห่งความสุขสงบก็ค่อยๆ หายไป จิตใจของเราเปรียบดั่งผิวน้ำ ความงดงามของพระเจ้าและธรรมชาติเปรียบดังแสงจันทร์ที่สาดแสงกระทบจิตใจของเรา ทุกครั้งที่เราใช้เวลาในมุมสงบ คำนึงถึงความงามของธรรมชาติ ประโยชน์ของธรรมชาติ มองดูดาว ดวงจันทร์ สัตว์บกสัตว์น้ำและนกในอากาศ ฯลฯ และเมื่อเราในฐานะที่เป็นบุตรของพระเจ้าใคร่ครวญคิดถึงความรักความเมตตา และสิ่งดีๆ มากมายที่ได้ทรงประทานให้ ในชั่วโมงเช่นนี้จะทำให้จิตใจสงบ อิ่ม และเปรมปรีดา แต่อย่างไรก็ตามในโลกแห่งความเป็นจริงทุกคนทราบดีว่ามีลมพายุแห่งปัญหา ความวุ่นวายต่างๆ ทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่สร้างคลื่นในใจ ทำลายความงดงามที่มีอยู่ในใจและเปลี่ยนความงดงามกลายเป็นความกลัว ความวิตกกังวล คลื่นและลมบดบังและกลืนความงามที่มีอยู่ให้หายไป สถานการณ์ปัจจุบันขณะนี้พวกเรากำลังเผชิญกับคลื่นทางการเมือง ความไม่ลงตัวทางการเมือง เสถียรภาพที่คลอนแคลนของรัฐบาล การเผชิญหน้าระหว่างผู้คัดค้าน การเดินขบวนเรียกร้องจากลุ่มต่างๆ... คลื่นทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ รายได้เพิ่มน้อยกว่าค่ารองชีพที่สูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นประวัติกาลเนื่องจากราคาน้ำมันทะยานสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ประชาชนระดับกลางและล่างโดนพายุหนักกว่าคนอื่น ... คลื่นทางสังคมสืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง ทำให้คนป่วยทางจิตมากขึ้น ท้อแท้ใจ รู้สึกกังวลและสิ้นหวัง สถิติคนฆ่าตัวตายมากขึ้น คนหันไปทำผิดศีลธรรมเพื่อเอาตัวรอดมากขึ้นผิดปกติ อาชญากรรมตั้งแต่ลักเล็กขโมยน้อยจนปล้นจี้ขยายตัวอย่างมากมาย... พายุความวิบัติทางธรรมชาติสาเหตุจากภาวะโลกร้อนเช่น พายุทำลายสูง ฝนตกหนัก น้ำท่วม รวมทั้งเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น เช่น แผ่นดินไหวถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือ พายุที่เข้ามากระทบภาวะจิตใจ สร้างคลื่นภายในใจ ทำลายความสงบและสมาธิ มันนำเราไปสู่การมองโลกทางลบอย่างสิ้นหวัง ผู้อ่านที่รักผมอยากให้เห็นความจริงอีกด้านหนึ่งคือ ดวงจันทร์ไม่เคยอับแสง มันยังคงส่องแสงเหมือนเดิม พายุที่พัดมันจะไม่เป็นอย่างนั้นตลอดกาล เหมือนบทเพลงๆ หนึ่งที่มีเนื้อร้องว่า “...มืดมิดก่อนฟ้าสาง…” พายุที่พัดมาและมันก็จะเลยไป เวลาที่มีพายุมา จงหลบอยู่ในพระสัญญาของพระเจ้า และมั่นคงในความรักอันไม่แปรเปลี่ยนของพระองค์ พระหัตถ์ของพระเจ้าจะยึดเราไว้ในวันพายุกล้า พระองค์จะโอบเราไว้ให้อบอุ่น คลื่นแห่งความกลัวจะสงบลงและคลื่นแห่งความรัก ความยินดี และความปลาบปลื้มจะเข้ามาแทนที่

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ทั้งดีใจและเสียใจ

มีเรื่องเล่าว่าชายชราสามคนขี่ม้าข้ามทะเลทรายนตอนกลางคืน ขณะที่ใกล้ถึงก้นลำธารที่แห้งผากแห่งหนึ่ง พวกเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งสั่งให้พวกเขาลงจากม้า เก็บหินสองสามก้อนใส่ไว้ในกระเป๋าและห้ามดูจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า พวกเขาได้รับสัญญาว่า พวกเขาจะพบทั้งความดีใจและเสียใจ หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกเดินทางต่อไป
เมื่อถึงเวลารุ่งเช้า ชายสามคนก็ล้วงมือเข้าไปหยิบก้อนหินในกระเป๋า ซึ่งบันี้กลายเป็นเพชร ทับทิมและพลอยมีค่าอื่น ๆ ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก ตอนนี้เองที่พวกเขาเข้าใจคำพูดที่ว่าพวกเขาจะทั้งดีใจ และเสียใจ พวกเขาดีใจที่เก็บหินมา แต่ก็เสีใจ เสียใจมากที่ไม่ได้เก็บมามากกว่านี้
ผมสงสัยว่าเราจะรู้สึกเช่นนี้ เมื่อเข้าแผ่นดินสวรรค์หรือไม่ เราจะดีใจกับทรัพย์สมบัติที่สำสมไว้ในสวรรค์เมื่อเราอยู่ในโลก และชื่นชมยินดีกับรางวัลที่พระคริสต์ประทานให้ แต่เราก็คงจะเสียใจ ที่ไม่ได้รับใช้มากกว่านี้
ให้เราทำอย่างสุดกำลังและโอกาส เพื่อเราะดีใจมากกว่าเสยใจ

(มัทธิว 6:19-20)
19 "อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้
20 แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้

นมสดแก้วหนึ่ง


จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ด้วยนมหนึ่งแก้ว”
ข้อมูลจากฝ่าย ประชาสัมพันธ์วันที่ 05/11/2004

เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กชายเคลลี่ที่ยากจน เขาต้องหาเงินไปโรงเรียนเอง ด้วยการนำสิ่งของไปขายตามบ้านที่อยู่ในเมืองใกล้เคียง วันหนึ่งเขาพบว่าเมื่องจ่ายค่ารถ และค่าสินค้าแล้ว เขามีเงินในกระเป๋าเหลือเพีง 10 เซ็นต์ เท่านั้น ขะนั้นเขากำลังหิวมาก แต่เงินสดที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอจะซื้ออาหารแม้แต่มื้อเดียว ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปขออาหารจากบ้านที่กำลังเดินไปถึง แต่เมื่อกดกริ่งแล้ว หญิงสาวเจ้าของบ้ามาเปิดประตู เด็กชายเคลลี่กลับเกิดความละอายที่จะขออาหารเหมือนกับขอทานที่ไม่รู้จักทำมาหากิน เขาจึงขอเพียงน้ำเปล่าแก้วเดียวเท่านั้น แต่เจ้าของบ้านสาวสังเกตเห็นท่าทางของเด็กชายเคลลี่ว่ากำลังหิว เธอจึงนำนมสดแก้วใจมาให้ เด็กชายเคลลี่ดื่มอย่างกระหายจนหมดแก้ว แล้วถามว่า ผมต้องจ่ายค่านมถ้วยนี้ให้คุณเท่าไรครับ เจ้าของบ้านตอบว่า “ ไม่ต้องจ่ายหรอก แม่ของฉันสอนไม่ให้รับสิ่งตอบแทนจากการให้ไมตรี เคลลี่ซาบซึ้งใจมากและตอบว่า “ถ้าเช่นนั้น ก็ขอขอบคุณอย่างยิ่ง จากหัวใจของผมก็แล้วกันนะครับ”ขณะที่เด็กชายเคลลี่ได้เดินออกจากบ้านหลังนั้น เขาไม่เพียงแต่รูซ้สึกว่ามีกำลังแข็งแรงขึ้นจากนมสดแก้วโตเท่านั้น แต่เขาได้มีความเข้าใจในเรื่องน้ำใจไมตรีมากขึ้นด้วย
อีก 30 ปีต่อมา มีผู้หญิงคนหนึ่งปาวยหนักด้วยโรคหัวใจซึ่งแพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้จึงส่งไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านหัวใจเป็นผู้ทำการรักษา เมื่อได้อ่านประวัติผู้ป่วยแล้วแพทย์ผู้เชียวชาญท่านนั้นสะดุดใจกับชื่อหมู่บ้านของผู้ป่วยคนนั้นจึงตั้งใจรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจอย่างพิเศษ โดยใช้อุปกรณ์ทันสมัยที่สุด และยาราคาแพงที่สุดจนผู้ป่วยหายเป็นปกติพ้อมจะกลับบ้านได้ ผู้ป่วยเกรงว่าค่ารักษาพยาบาลคงจะมีราคาแพงหลายหมื่นดอลลาร์ ซึ่งเธอเข้าใจว่าคงต้องทำงานทั้งชีวิตกว่าที่เธอจะหาเงินค่ารักษาพยาบาลมาได้ เพราะเธอไม่มีประกันสุขภาพและไม่สามารถเบิกได้จากที่ไหน แต่แพทย์ผู้เชียวชาญคนนั้นได้บอกเจ้าหน้าที่บัญชีให้นำใบเสร็จไปให้เขา
แล้วหมอก็ใช้ปากกาเขียนข้อความ 2 บรรทัดแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่บอกให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลย
ข้อความที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นเขียนในใบเรียกเก็บเงินนั้นมีว่า
“จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ด้วยนมหนึ่งแก้ว”
..........ลงนาม นายแพทย์โฮเวอร์ด เคลลี่
บทความของคณะทำงานกลุ่มน้ำใจไมตรี ประเทศสิงคโปร์
จดหมายของ นายแพทย์ โฮเวอร์ค เคลลี่