ท่าทีแห่งชัยชนะ
“ความสุขไม่ได้เป็นเรื่องของความเฉลียวฉลาด อายุ หรือตำแหน่ง หากเป็นเรื่องของความคิดที่ถูกต้อง ความชื่นชมยินดีของคุณเชื่อมโยงโดยตรงกับความคิดที่ฝากไว้ในธนาคารความทรงจำของคุณ คุณถอนได้แต่สิ่งที่คุณฝากไว้นั้นออกมา”
รถของคุณจะมีสมรรถภาพอย่างไร หากคุณใส่แต่สิ่งสกปรกลงไปในถังน้ำมัน ชีวิตคุณก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
แต่คุณบอกว่า “ฉันมีปัญหามากมาย”
คุณไม่ได้มีปัญหามากกว่าคนอื่นหรอก คุณแค่คิดถึงปัญหาพวกนั้นบ่อยกว่า จงเปลี่ยนแปลงวิธีการคิด แล้วความรู้สึกของคุณจะเปลี่ยนไป
ฟป.4:8-9 ….ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้าสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู ... และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน
Starting Over/เริ่มต้นบนเส้นชัย
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551
สาระดี ๆ ที่น่าอ่าน
สาระดี ๆ น่าอ่าน
ไฟ น้ำ และ ความไว้ใจ>มีเพื่อนรักอยู่ 3 คน คือ ไฟ - น้ำ และ ความไว้ใจ> >>>ทั้ง 3 ได้มาพบและพูดคุยกัน> >>>> >>>ไฟได้บอกกล่าวกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า> >>>"ถ้าหากฉันหายไป ให้สังเกตในที่ๆ มีควันฉันจะอยู่ที่นั่น "> >>>> >>>ส่วนน้ำนั้น บอกกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า> >>>"ถ้าหากฉันหายไป ให้สังเกตที่ๆ ต้นไม้เขียวชอุ่มและเจริญงอกงาม > >>>เพราะฉันจะอยู่ที่นั่น"> >>>> >>>ส่วนความไว้ใจ บอกกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า> >>>"หากฉันหายไป.......พวกเธอจะไม่มี วันได้พบฉันอีกเลย ..........."> >>>ไฟ ก็เปรียบเสมือนความหวัง ความมุ่งมั่นมานะ และพลังในการดำเนินชีวิต > >>>แม้มันหมดหรือดับไป> >>>........> >>>คุณยังอาจจุดประกายแห่งความมุ่งมั่นนั้นได้ ขอเพียงคุณมีแรงดลใจ > >>>(ควัน)> >>>> >>>น้ำ เปรียบเหมือน ความรัก ความอบอุ่น เป็นสิ่งชโลมจิตใจ > >>>ให้ชีวิตคงอยู่อย่างสดชื่น และมีชีวิตชีวา> >>>แม้คุณอกหักหรือผิดหวัง > >>>แต่ความรักก็ยังพร้อมจะเกิดขึ้นใหม่และเจริญงอกงามต่อไปได้เสมอ> >>>> >>>แต่ความไว้วางใจนั้น > >>>เป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับบุคคลอื่นๆ> >>>ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลูก คนรัก เพื่อน หัวหน้า หรือ ลูกน้อง> >>>> >>>ถ้าหาก...คุณสูญเสียความไว้ใจที่มีต่อบุคคลนั้นไป......> >>>คุณจะไม่พบมันอีกเลยในความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขา
ไฟ น้ำ และ ความไว้ใจ>มีเพื่อนรักอยู่ 3 คน คือ ไฟ - น้ำ และ ความไว้ใจ> >>>ทั้ง 3 ได้มาพบและพูดคุยกัน> >>>> >>>ไฟได้บอกกล่าวกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า> >>>"ถ้าหากฉันหายไป ให้สังเกตในที่ๆ มีควันฉันจะอยู่ที่นั่น "> >>>> >>>ส่วนน้ำนั้น บอกกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า> >>>"ถ้าหากฉันหายไป ให้สังเกตที่ๆ ต้นไม้เขียวชอุ่มและเจริญงอกงาม > >>>เพราะฉันจะอยู่ที่นั่น"> >>>> >>>ส่วนความไว้ใจ บอกกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า> >>>"หากฉันหายไป.......พวกเธอจะไม่มี วันได้พบฉันอีกเลย ..........."> >>>ไฟ ก็เปรียบเสมือนความหวัง ความมุ่งมั่นมานะ และพลังในการดำเนินชีวิต > >>>แม้มันหมดหรือดับไป> >>>........> >>>คุณยังอาจจุดประกายแห่งความมุ่งมั่นนั้นได้ ขอเพียงคุณมีแรงดลใจ > >>>(ควัน)> >>>> >>>น้ำ เปรียบเหมือน ความรัก ความอบอุ่น เป็นสิ่งชโลมจิตใจ > >>>ให้ชีวิตคงอยู่อย่างสดชื่น และมีชีวิตชีวา> >>>แม้คุณอกหักหรือผิดหวัง > >>>แต่ความรักก็ยังพร้อมจะเกิดขึ้นใหม่และเจริญงอกงามต่อไปได้เสมอ> >>>> >>>แต่ความไว้วางใจนั้น > >>>เป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับบุคคลอื่นๆ> >>>ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลูก คนรัก เพื่อน หัวหน้า หรือ ลูกน้อง> >>>> >>>ถ้าหาก...คุณสูญเสียความไว้ใจที่มีต่อบุคคลนั้นไป......> >>>คุณจะไม่พบมันอีกเลยในความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขา
ข้อแตกต่างระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
>>>ข้อแตกต่างระหว่างเรา กับ "พระเจ้า"
คุณบอกว่า: "มันเป็นไปไม่ได้"> >พระเจ้าตรัสว่า: "ทุกอย่างเป็นไปได้" (ลูกา 18:27)> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันเหนื่อยเหลือเกิน"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะให้เจ้าได้หายเหนื่อย" (มัทธิว 11:28-30)> >> >> >คุณบอกว่า: "ไม่มีใครรักฉันเลย"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เรา...รักเจ้า" (ยอห์น 3:16)> >>>> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว"> >พระเจ้าตรัสว่า: "พระคุณของเรานั้นมีเพียงพอ" (2 โครินธ์ 12:9 & สดุดี 91:15)> >>>> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะนำย่างเท้าของเจ้า" (สุภาษิต 3:5-6> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันจะผ่านมันไปได้อย่างไร"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เจ้าจะเผชิญทุกสิ่งได้" (ฟิลิปปี 4:13)> >> >> >คุณบอกว่า: "ฉันทำไม่ได้"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เรา..ทำได้" (2 โครินธ์ 9:8)> >> >> >
คุณบอกว่า: "ไม่คุ้มเลย"> >พระเจ้าตรัสว่า: ผลที่ได้จะดีคุ้มค่าแน่นอน" (โรม 8:28 )> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราอภัยให้เจ้าเสมอ" 1 ยอห์น 1:9 & โรม 8:1)> >> >> >
คุณบอกว่า: มันเกินกำลังของฉัน"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นให้แก่เจ้าไม่ให้ขาดเลย" > >(ฟิลิปปี 4:19)> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉัน..กลัว"> >พระเจ้าตรัสว่า: เราไม่ได้มอบจิตที่ขลาดกลัวให้แก่เจ้า" (2 ทิโมธี 1:7)> >> >> >คุณบอกว่า: "ฉันท้อแท้ และกังวลใจ> >"พระเจ้าตรัสว่า: จงละความกระวนกระวายใจเอาไว้ที่เรา" (1 เปโตร 5:7)> >> >
คุณบอกว่า: ฉันไม่ฉลาดพอ"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราให้สติปัญญาแก่เจ้า" (1 โครินธ์ 1:30)> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย"> >พระเจ้าตรัสว่า: เราจะไม่ละเจ้า หรือทอดทิ้งเจ้าเลย" (ฮีบรู 13:5)
คุณบอกว่า: "มันเป็นไปไม่ได้"> >พระเจ้าตรัสว่า: "ทุกอย่างเป็นไปได้" (ลูกา 18:27)> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันเหนื่อยเหลือเกิน"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะให้เจ้าได้หายเหนื่อย" (มัทธิว 11:28-30)> >> >> >คุณบอกว่า: "ไม่มีใครรักฉันเลย"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เรา...รักเจ้า" (ยอห์น 3:16)> >>>> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว"> >พระเจ้าตรัสว่า: "พระคุณของเรานั้นมีเพียงพอ" (2 โครินธ์ 12:9 & สดุดี 91:15)> >>>> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะนำย่างเท้าของเจ้า" (สุภาษิต 3:5-6> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันจะผ่านมันไปได้อย่างไร"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เจ้าจะเผชิญทุกสิ่งได้" (ฟิลิปปี 4:13)> >> >> >คุณบอกว่า: "ฉันทำไม่ได้"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เรา..ทำได้" (2 โครินธ์ 9:8)> >> >> >
คุณบอกว่า: "ไม่คุ้มเลย"> >พระเจ้าตรัสว่า: ผลที่ได้จะดีคุ้มค่าแน่นอน" (โรม 8:28 )> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราอภัยให้เจ้าเสมอ" 1 ยอห์น 1:9 & โรม 8:1)> >> >> >
คุณบอกว่า: มันเกินกำลังของฉัน"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นให้แก่เจ้าไม่ให้ขาดเลย" > >(ฟิลิปปี 4:19)> >> >> >
คุณบอกว่า: "ฉัน..กลัว"> >พระเจ้าตรัสว่า: เราไม่ได้มอบจิตที่ขลาดกลัวให้แก่เจ้า" (2 ทิโมธี 1:7)> >> >> >คุณบอกว่า: "ฉันท้อแท้ และกังวลใจ> >"พระเจ้าตรัสว่า: จงละความกระวนกระวายใจเอาไว้ที่เรา" (1 เปโตร 5:7)> >> >
คุณบอกว่า: ฉันไม่ฉลาดพอ"> >พระเจ้าตรัสว่า: "เราให้สติปัญญาแก่เจ้า" (1 โครินธ์ 1:30)> >> >
คุณบอกว่า: "ฉันรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย"> >พระเจ้าตรัสว่า: เราจะไม่ละเจ้า หรือทอดทิ้งเจ้าเลย" (ฮีบรู 13:5)
คู่มือการใช้ความรัก
ทางบริษัทขอขอบคุณท่านที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความรัก "Model Love" จากบริษัทเรา โปรดอ่านคู่มือการใช้งานนี้ให้เข้าใจก่อนที่จะใช้งาน 1.. สิ่งที่ท่านจะได้รับมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์นี้
(1.) หัวใจ 1 ชุด (2.) พลังงานความมั่นใจ 1 ก้อน (3.) แท่นชาร์จความจริงใจ 1 แท่น (4.) สายความซื่อสัตย์
1 เส้น -- อุปกรณ์เสริม "การให้อภัย" และ "การยอมรับซึ่งกันและกัน" ไม่ได้รวมมาในชุดพื้นฐานนี้ ท่านสามารถหาซื้อเพิ่มเติมได้ภายหลังจากตัวแทนจำหน่าย
2.. เริ่มต้นใช้งาน - เปิดหัวใจออกให้กว้างที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ใส่ความมั่นใจเข้าไปที่ด้านหลังเครื่อง ดูขั้วบวกขั้วลบให้ถูกต้อง หากท่านใส่ความมั่นใจผิดขั้ว มันอาจจะส่งผลให้เสียความมั่นใจ หรือไม่ก็มั่นใจเกินกว่าเหตุ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มันทำให้ระบบทำงานไม่สมบูรณ์ - วางหัวใจที่ใส่ความมั่นใจลงไปแล้วลงบนแท่นชาร์จความจริงใจต่อด้วยสายความซื่อสัตย์ จากนั้นชาร์จความจริงใจลงไปในหัวใจให้มากที่สุด - ในช่วงเริ่มต้นของความรัก ท่านอาจจะต้องใช้เวลาในการเติมความจริงใจนานกว่าปกติ เพื่อให้มีพลังไปหล่อเลี้ยงความมั่นใจได้เพียงพอในการเริ่มต้นใช้งาน ในการชาร์จครั้งแรก หากสายความซื่อสัตย์หลุด ระบบอาจจะเสียหายสมบูรณ์ได้
3.. วิธีใช้งาน - ง่ายๆ มอบหัวใจที่ใส่ความมั่นใจและความจริงใจลงไปเต็มแล้วให้แก่ใครก็ได้ที่คุณต้องการ ถ้าเขามีคลื่นความรักที่ตรงกับคุณ ความรักจะปรับจูนจนติด แค่เนี้ยะก็เสร็จแล้ว
4.. ข้อผิดพลาดและวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น (1.) ส่ง "ความรัก" ออกไปแล้วไม่ได้รับการตอบสนอง - การแก้ไข : ตรวจสอบว่าใส่ความมั่นใจลงไปแล้วหรือยัง ตรวจสอบว่าชาร์จความจริงใจลงไปเต็มที่แล้วหรือไม่ ตรวจสอบว่าสายความซื่อสัตย์นั้นต่ออยู่อย่างถูกต้องหรือไม่(2.) ทำความรักตกลงบนพื้น เกิดอาการช็อตและความร้อนขึ้น - ความรักที่ตกลงพื้นแล้วครั้งหนึ่ง อาจจะแก้ไขได้ด้วยอุปกรณ์เสริม "การให้อภัย" อย่างไรก็ตาม ความรักที่ตกพื้นแล้ว แม้ยังไม่แตก แต่ก็มีรอยร้าวเป็นตำหนิได้ และความมั่นใจอาจจะลดลงไปจนเกือบหมด ให้ชาร์จความจริงใจเพิ่มลงไปให้มากที่สุด โดยใช้ร่วมกับ "การให้อภัย" (3.) เกิดความต่างศักย์ระหว่างความรักมากจนไม่สามารถจูนคลื่นติดได้- ลองเปิดใจเพื่อจูนคลื่นใหม่ หากไม่ได้ผล ควรใช้อุปกรณ์เสริม "การยอมรับซึ่งกันและกัน" แต่หากใช้แล้วก็ยังไม่ได้ผลอยู่อีก ควรปิดสวิตช์ฉุกเฉิน "ตัดใจ" เพราะมิเช่นนั้น ความต่างศักย์อาจจะช็อตให้ความรักของคุณเสียหายได้
5.. ข้อจำกัดการรับประกัน บริษัทขอสงวนสิทธิในการไม่รับประกันหรือไม่รับซ่อมหัวใจที่เสียหาย ในกรณีที่ผู้ใช้พยายามนำความรักไปยัดเยียดให้บุคคลที่เขาไม่ต้องการ หรือพยายามจูนเข้ากับความรักที่ต่างศักย์กันมากๆ จนมีปัญหาเข้ากันไม่ได้ ความเสียหาย แตกหัก หรือการทำงานผิดพลาดของความรักในเหตุดังกล่าวนี้ ถือเป็นความบกพร่องของผู้ใช้งานเอง
6.. คำเตือน เคยมีรายงานว่า ความรักอาจจะมีผลกระทบทำให้คนตาบอด หูหนวก หรือตาฝ้าฟางได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็น ความรักอาจจืดจางได้ หากอยู่ห่างไกลด้วยระยะทาง หรืออยู่นอกพื้นที่บริการ หวังว่าทุกท่านคงมีความสุขกับผลิตภัณฑ์อันเป็นที่ภาคภูมิใจของเราของเรา...บริษัท "กามเทพ" จำกัด (The Cupid Inc.)
(1.) หัวใจ 1 ชุด (2.) พลังงานความมั่นใจ 1 ก้อน (3.) แท่นชาร์จความจริงใจ 1 แท่น (4.) สายความซื่อสัตย์
1 เส้น -- อุปกรณ์เสริม "การให้อภัย" และ "การยอมรับซึ่งกันและกัน" ไม่ได้รวมมาในชุดพื้นฐานนี้ ท่านสามารถหาซื้อเพิ่มเติมได้ภายหลังจากตัวแทนจำหน่าย
2.. เริ่มต้นใช้งาน - เปิดหัวใจออกให้กว้างที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ใส่ความมั่นใจเข้าไปที่ด้านหลังเครื่อง ดูขั้วบวกขั้วลบให้ถูกต้อง หากท่านใส่ความมั่นใจผิดขั้ว มันอาจจะส่งผลให้เสียความมั่นใจ หรือไม่ก็มั่นใจเกินกว่าเหตุ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มันทำให้ระบบทำงานไม่สมบูรณ์ - วางหัวใจที่ใส่ความมั่นใจลงไปแล้วลงบนแท่นชาร์จความจริงใจต่อด้วยสายความซื่อสัตย์ จากนั้นชาร์จความจริงใจลงไปในหัวใจให้มากที่สุด - ในช่วงเริ่มต้นของความรัก ท่านอาจจะต้องใช้เวลาในการเติมความจริงใจนานกว่าปกติ เพื่อให้มีพลังไปหล่อเลี้ยงความมั่นใจได้เพียงพอในการเริ่มต้นใช้งาน ในการชาร์จครั้งแรก หากสายความซื่อสัตย์หลุด ระบบอาจจะเสียหายสมบูรณ์ได้
3.. วิธีใช้งาน - ง่ายๆ มอบหัวใจที่ใส่ความมั่นใจและความจริงใจลงไปเต็มแล้วให้แก่ใครก็ได้ที่คุณต้องการ ถ้าเขามีคลื่นความรักที่ตรงกับคุณ ความรักจะปรับจูนจนติด แค่เนี้ยะก็เสร็จแล้ว
4.. ข้อผิดพลาดและวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น (1.) ส่ง "ความรัก" ออกไปแล้วไม่ได้รับการตอบสนอง - การแก้ไข : ตรวจสอบว่าใส่ความมั่นใจลงไปแล้วหรือยัง ตรวจสอบว่าชาร์จความจริงใจลงไปเต็มที่แล้วหรือไม่ ตรวจสอบว่าสายความซื่อสัตย์นั้นต่ออยู่อย่างถูกต้องหรือไม่(2.) ทำความรักตกลงบนพื้น เกิดอาการช็อตและความร้อนขึ้น - ความรักที่ตกลงพื้นแล้วครั้งหนึ่ง อาจจะแก้ไขได้ด้วยอุปกรณ์เสริม "การให้อภัย" อย่างไรก็ตาม ความรักที่ตกพื้นแล้ว แม้ยังไม่แตก แต่ก็มีรอยร้าวเป็นตำหนิได้ และความมั่นใจอาจจะลดลงไปจนเกือบหมด ให้ชาร์จความจริงใจเพิ่มลงไปให้มากที่สุด โดยใช้ร่วมกับ "การให้อภัย" (3.) เกิดความต่างศักย์ระหว่างความรักมากจนไม่สามารถจูนคลื่นติดได้- ลองเปิดใจเพื่อจูนคลื่นใหม่ หากไม่ได้ผล ควรใช้อุปกรณ์เสริม "การยอมรับซึ่งกันและกัน" แต่หากใช้แล้วก็ยังไม่ได้ผลอยู่อีก ควรปิดสวิตช์ฉุกเฉิน "ตัดใจ" เพราะมิเช่นนั้น ความต่างศักย์อาจจะช็อตให้ความรักของคุณเสียหายได้
5.. ข้อจำกัดการรับประกัน บริษัทขอสงวนสิทธิในการไม่รับประกันหรือไม่รับซ่อมหัวใจที่เสียหาย ในกรณีที่ผู้ใช้พยายามนำความรักไปยัดเยียดให้บุคคลที่เขาไม่ต้องการ หรือพยายามจูนเข้ากับความรักที่ต่างศักย์กันมากๆ จนมีปัญหาเข้ากันไม่ได้ ความเสียหาย แตกหัก หรือการทำงานผิดพลาดของความรักในเหตุดังกล่าวนี้ ถือเป็นความบกพร่องของผู้ใช้งานเอง
6.. คำเตือน เคยมีรายงานว่า ความรักอาจจะมีผลกระทบทำให้คนตาบอด หูหนวก หรือตาฝ้าฟางได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็น ความรักอาจจืดจางได้ หากอยู่ห่างไกลด้วยระยะทาง หรืออยู่นอกพื้นที่บริการ หวังว่าทุกท่านคงมีความสุขกับผลิตภัณฑ์อันเป็นที่ภาคภูมิใจของเราของเรา...บริษัท "กามเทพ" จำกัด (The Cupid Inc.)
ความสำเร็จขึ้นอยู่กับอะไร
**ความสำเร็จขึ้นอยู่กับอะไร **
พวกเราคงได้ยินคำกล่าวว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ทีนั่น
คำกล่าวนี้เป็นความจริงส่วนใหญ่
แต่หลายท่านคงพบว่าบางคนแม้ใช้ความพยายามเต็มที่ก็ไม่อาจสำเร็จได้ ตลอดชั่วชีวิตของเขา เนื่องด้วยปัจจัยอื่นๆ
บางคนความตั้งใจของเขาเพิ่งกลายเป็นความจริงเมื่อเขาเสียชีวิตไปแล้ว
จึงมีคำพูดต่ออีกว่า ความคิดความตั้งใจเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จขึ้นอยู่ที่ฟ้าดินลิขิต
เศรุบบาเบลนำคนอิสราเอลพร้อมกับความตั้งใจเต็มเปี่ยม จะมาสร้างพระวิหารที่ถูกทำลาย เมื่อเขาสร้างจนถึงสมัยกษัตริย์ อารทาเซอร์ซีสของเปอร์เซีย ก็มีคำสั่งห้ามและหลายคนท้อใจคิดว่าคงทำไม่สำเร็จอย่างแน่นอน
ผู้ที่ให้กำลังใจและความเข้าใจที่ถูกต้องแก่เขาคือเศคาริยาห์ เขาบอกว่า ความสำเร็จของเราไม่ได้ขึ้นกับกำลัง ความตั้งใจเราฝ่ายเดียว แต่ขึ้นกับกำลังที่มาจากพระเจ้า ภูเขาใหญ่ที่เป็นอุปสรรคจะถูกขจัดไปโดยพระเจ้า
"มิใช่ด้วยกำลัง มิใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา...
โอภูเขาใหญ่ เจ้าเป็นอะไรเล่า ต่อหน้าเศรุบาเบล เจ้าจะเป็นที่ราบ" ศคย4:6
งานของเราหลายอย่าง ถ้าอยากให้ประสบความสำเร็จ เราต้องมีแนวคิดที่ถูก ไม่ใช่พึ่งกำลังของเราเองเป็นหลัก แต่กำลังเรามาจากพระเจ้า และถ้าอะไรที่เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า สิ่งนั้นจะสำเร็จได้โดยพระเจ้าและเพราะพระองค์จะทรงทำให้ภูเขากลายเป็นที่ราบ
**ทำไมเหนื่อย ทำไมเครียด**
ทุกวันนี้ในสถานการณ์ที่เร่งรีบ แม้แต่เวลารับประทานอาหารก็ต้องรีบ นักเรียนบางคนรับประทานข้าวไป อ่านหนังสือไป นักธุรกิจที่มีเงินมากแล้วที่น่าจะอิ่มอร่อยในอาหาร แต่ต้องมาใช้สมองเจรจาตกลงทางธุรกิจในเวลาอันควรมีความสุข
ที่เรายอมเป็นเช่นนั้นเพราะเราอยากได้บางสิ่งบางอย่าง เราจึงพยายามทำ ทำ ทำ หามรุ่งหามค่ำ
พระคัมภีร์ สดุดี 127:2 กล่าวว่า เป็นการเหนื่อยเปล่า ที่ท่านลุกขึ้นแต่เช้ามืด นอนดึก และกระหืดกระหอบกินอาหาร เพราะพระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์ ให้หลับสบาย
พระเจ้าอยากให้เรามีสภาพเป็นอยู่ที่ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าให้คนเรางอมืองอเท้าไม่ยอมทำอะไร ตรงข้ามพระเจ้าเตือนคนที่เกียจคร้านให้มีความขยัน แต่ให้ทำงานโดยไร้ความกังวลและจะทำให้นอนหลับสบาย
หลายคนเครียดเพราะไม่รู้ว่าสอบจะได้หรือไม่ หลายครั้งที่ต้องนอนดึก ตื่นแต่เช้ามืด หักโหมร่างกายเพื่องาน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ถูกต้องบางคนได้งานดี แต่เสียครอบครัวไป ชีวิตจึงไม่สมบูรณ์
พระเยซูตรัสในยอห์น10:10 ว่า ... เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และท่านจะได้อย่างครบบริบูรณ์
ถ้าท่านเชื่อข้อความเหล่านี้ อธิษฐานกับพระองค์ขอให้ท่านหลับสบาย ไร้กังวล และมีโอกาสลิ้มรสชีวิตที่บริบูรณ์.
พวกเราคงได้ยินคำกล่าวว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ทีนั่น
คำกล่าวนี้เป็นความจริงส่วนใหญ่
แต่หลายท่านคงพบว่าบางคนแม้ใช้ความพยายามเต็มที่ก็ไม่อาจสำเร็จได้ ตลอดชั่วชีวิตของเขา เนื่องด้วยปัจจัยอื่นๆ
บางคนความตั้งใจของเขาเพิ่งกลายเป็นความจริงเมื่อเขาเสียชีวิตไปแล้ว
จึงมีคำพูดต่ออีกว่า ความคิดความตั้งใจเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จขึ้นอยู่ที่ฟ้าดินลิขิต
เศรุบบาเบลนำคนอิสราเอลพร้อมกับความตั้งใจเต็มเปี่ยม จะมาสร้างพระวิหารที่ถูกทำลาย เมื่อเขาสร้างจนถึงสมัยกษัตริย์ อารทาเซอร์ซีสของเปอร์เซีย ก็มีคำสั่งห้ามและหลายคนท้อใจคิดว่าคงทำไม่สำเร็จอย่างแน่นอน
ผู้ที่ให้กำลังใจและความเข้าใจที่ถูกต้องแก่เขาคือเศคาริยาห์ เขาบอกว่า ความสำเร็จของเราไม่ได้ขึ้นกับกำลัง ความตั้งใจเราฝ่ายเดียว แต่ขึ้นกับกำลังที่มาจากพระเจ้า ภูเขาใหญ่ที่เป็นอุปสรรคจะถูกขจัดไปโดยพระเจ้า
"มิใช่ด้วยกำลัง มิใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา...
โอภูเขาใหญ่ เจ้าเป็นอะไรเล่า ต่อหน้าเศรุบาเบล เจ้าจะเป็นที่ราบ" ศคย4:6
งานของเราหลายอย่าง ถ้าอยากให้ประสบความสำเร็จ เราต้องมีแนวคิดที่ถูก ไม่ใช่พึ่งกำลังของเราเองเป็นหลัก แต่กำลังเรามาจากพระเจ้า และถ้าอะไรที่เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า สิ่งนั้นจะสำเร็จได้โดยพระเจ้าและเพราะพระองค์จะทรงทำให้ภูเขากลายเป็นที่ราบ
**ทำไมเหนื่อย ทำไมเครียด**
ทุกวันนี้ในสถานการณ์ที่เร่งรีบ แม้แต่เวลารับประทานอาหารก็ต้องรีบ นักเรียนบางคนรับประทานข้าวไป อ่านหนังสือไป นักธุรกิจที่มีเงินมากแล้วที่น่าจะอิ่มอร่อยในอาหาร แต่ต้องมาใช้สมองเจรจาตกลงทางธุรกิจในเวลาอันควรมีความสุข
ที่เรายอมเป็นเช่นนั้นเพราะเราอยากได้บางสิ่งบางอย่าง เราจึงพยายามทำ ทำ ทำ หามรุ่งหามค่ำ
พระคัมภีร์ สดุดี 127:2 กล่าวว่า เป็นการเหนื่อยเปล่า ที่ท่านลุกขึ้นแต่เช้ามืด นอนดึก และกระหืดกระหอบกินอาหาร เพราะพระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์ ให้หลับสบาย
พระเจ้าอยากให้เรามีสภาพเป็นอยู่ที่ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าให้คนเรางอมืองอเท้าไม่ยอมทำอะไร ตรงข้ามพระเจ้าเตือนคนที่เกียจคร้านให้มีความขยัน แต่ให้ทำงานโดยไร้ความกังวลและจะทำให้นอนหลับสบาย
หลายคนเครียดเพราะไม่รู้ว่าสอบจะได้หรือไม่ หลายครั้งที่ต้องนอนดึก ตื่นแต่เช้ามืด หักโหมร่างกายเพื่องาน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ถูกต้องบางคนได้งานดี แต่เสียครอบครัวไป ชีวิตจึงไม่สมบูรณ์
พระเยซูตรัสในยอห์น10:10 ว่า ... เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และท่านจะได้อย่างครบบริบูรณ์
ถ้าท่านเชื่อข้อความเหล่านี้ อธิษฐานกับพระองค์ขอให้ท่านหลับสบาย ไร้กังวล และมีโอกาสลิ้มรสชีวิตที่บริบูรณ์.
แข็มแข็งในพระกาย
เข้มแข็งใน ‘ พระกาย ‘
จงกระตือรือร้นที่จะชุมนุมกันบ่อย ๆ ในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อท่านทำเช่นนั้น จงใช้เวลาทั้งสิ้นในการขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้า
ด้วยวิธีง่าย ๆ นี้ อำนาจของซาตานก็ถูกทำลาย เป็นการหยุดยั้งความพยายามสารพัดของมันที่จะทำร้ายท่านขณะที่ท่านดำเนินในหนทางแห่งชีวิต เพราะการเพ่งมองที่พระเจ้าจะนำท่านให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งจะทำลายความพยายามของซาตาน ที่ต้องการแบ่งแยกพระกายของพระคริสต์ ด้วยการถกเถียงกันในเรื่องไร้สาระ (เมื่อพวกท่านเสียเวลาทั้งหมดไปกับการโต้เถียงกัน ท่านก็กำลังมุ่งหน้าสู่ความพ่ายแพ้) เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ยินคำพยานเกี่ยวกับความเชื่ออันใสบริสุทธิ์ของผู้อื่น ท่านเองก็ได้รับการหนุนใจให้ตนเองมีความเชื่อที่เข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ความพยายามของซาตานที่จะแยกท่านออกจากพระเจ้า โดยใช้ความกลัวและความสงสัยก็จะถูกขจัดไปด้วย
ท่านจะสังเกตเห็นได้ว่า การสามัคคีธรรมฝ่ายวิญญาณช่วยเสริมสร้างจิตวิญญาณของท่านอย่างไร ถ้าท่านปรารถนาจะเติบโตสู่ความไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นในความเชื่อและความรักที่ท่านมีต่อพระเยซูคริสต์ ความเชื่อ... ความรัก... สองสิ่งนี้เปรียบเหมือนน้ำพุแห่งชีวิตสำหรับวิญญาณจิตของเรา
เราเริ่มต้นด้วยความเชื่อในพระเจ้า นั่นเป็นสิ่งดี และความเชื่อในพระเจ้าจบลงด้วยความรักที่มีต่อกันและกัน เมื่อสองสิ่งนี้เกิดขึ้นพร้อมเพรียงกัน พระเจ้าก็สถิต ณ ที่นั่นท่ามกลางพวกท่าน และผลที่ตามมาก็คือ สิ่งดีมากมายซึ่งหลั่งไหลมาจากความประเสริฐของพระองค์
ผู้ที่ปฎิญาณตนมอบชีวิตแด่พระคริสต์ จะเห็นได้เด่นชัดโดยการกระทำของเขา เพราะความเชื่อของเราไม่เหมือนความเชื่อของคนนอกศาสนา หรือผู้ไม่เชื่อ เราปฎิญาณความเชื่อของเราด้วยปาก แต่อย่าให้เรากล่าวแต่เพียงคำปฎิญาณอันว่างเปล่าเท่านั้น ให้เราเชื่อในจิตใจ และประพฤติตามด้วยความรัก
ดังนั้น ความเชื่อจึงอำนวยผลเป็นความรักเสมอ
อิกเนเชียส แห่งอันทิโอก
จดหมายถึงชาวเอเฟซัส
อะไรเป็นสาเหตุของสงคราม
และอะไรเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันในพวกท่าน...
จงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า
จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป
ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน...
พี่น้องทั้งหลาย อย่าใส่ร้ายซึ่งกันและกัน ผู้ใดที่พูดใส่ร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน
ผู้นั้นก็กล่าวร้ายต่อธรรมบัญญัติ
(ยากอบ 4:1,7,8,11)
จงกระตือรือร้นที่จะชุมนุมกันบ่อย ๆ ในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อท่านทำเช่นนั้น จงใช้เวลาทั้งสิ้นในการขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้า
ด้วยวิธีง่าย ๆ นี้ อำนาจของซาตานก็ถูกทำลาย เป็นการหยุดยั้งความพยายามสารพัดของมันที่จะทำร้ายท่านขณะที่ท่านดำเนินในหนทางแห่งชีวิต เพราะการเพ่งมองที่พระเจ้าจะนำท่านให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งจะทำลายความพยายามของซาตาน ที่ต้องการแบ่งแยกพระกายของพระคริสต์ ด้วยการถกเถียงกันในเรื่องไร้สาระ (เมื่อพวกท่านเสียเวลาทั้งหมดไปกับการโต้เถียงกัน ท่านก็กำลังมุ่งหน้าสู่ความพ่ายแพ้) เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ยินคำพยานเกี่ยวกับความเชื่ออันใสบริสุทธิ์ของผู้อื่น ท่านเองก็ได้รับการหนุนใจให้ตนเองมีความเชื่อที่เข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ความพยายามของซาตานที่จะแยกท่านออกจากพระเจ้า โดยใช้ความกลัวและความสงสัยก็จะถูกขจัดไปด้วย
ท่านจะสังเกตเห็นได้ว่า การสามัคคีธรรมฝ่ายวิญญาณช่วยเสริมสร้างจิตวิญญาณของท่านอย่างไร ถ้าท่านปรารถนาจะเติบโตสู่ความไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นในความเชื่อและความรักที่ท่านมีต่อพระเยซูคริสต์ ความเชื่อ... ความรัก... สองสิ่งนี้เปรียบเหมือนน้ำพุแห่งชีวิตสำหรับวิญญาณจิตของเรา
เราเริ่มต้นด้วยความเชื่อในพระเจ้า นั่นเป็นสิ่งดี และความเชื่อในพระเจ้าจบลงด้วยความรักที่มีต่อกันและกัน เมื่อสองสิ่งนี้เกิดขึ้นพร้อมเพรียงกัน พระเจ้าก็สถิต ณ ที่นั่นท่ามกลางพวกท่าน และผลที่ตามมาก็คือ สิ่งดีมากมายซึ่งหลั่งไหลมาจากความประเสริฐของพระองค์
ผู้ที่ปฎิญาณตนมอบชีวิตแด่พระคริสต์ จะเห็นได้เด่นชัดโดยการกระทำของเขา เพราะความเชื่อของเราไม่เหมือนความเชื่อของคนนอกศาสนา หรือผู้ไม่เชื่อ เราปฎิญาณความเชื่อของเราด้วยปาก แต่อย่าให้เรากล่าวแต่เพียงคำปฎิญาณอันว่างเปล่าเท่านั้น ให้เราเชื่อในจิตใจ และประพฤติตามด้วยความรัก
ดังนั้น ความเชื่อจึงอำนวยผลเป็นความรักเสมอ
อิกเนเชียส แห่งอันทิโอก
จดหมายถึงชาวเอเฟซัส
อะไรเป็นสาเหตุของสงคราม
และอะไรเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันในพวกท่าน...
จงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า
จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป
ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน...
พี่น้องทั้งหลาย อย่าใส่ร้ายซึ่งกันและกัน ผู้ใดที่พูดใส่ร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน
ผู้นั้นก็กล่าวร้ายต่อธรรมบัญญัติ
(ยากอบ 4:1,7,8,11)
พ่อที่ดีแบบพระบิดา
หนังสือ “พ่อที่ดีแบบพระบิดา” The Father Connection
(โดย Josh McDowell สำนักพิมพ์กนกบรรณสาร)
...จากการวิจัยทราบว่า ปัจจุบันคนหนุ่มสาวชาวอเมริกันมองเห็นเรื่องการ “ไม่ซื่อ” นี้เป็นหนทาง “สะดวก” ที่จะก้าวไปข้างหน้า พวกเขาใช้การโกหกเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความเด่นให้เพื่อนฝูงประทับใจ หรือเพื่อให้พ่อแม่ชมเชย พวกเขาไม่สนใจเลยว่าสิ่งที่ทำไปเป็นความผิด คงเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีใครเห็นผลทางร้ายๆ ของการพูดเท็จและหลอกลวง และทำนองเดียวกัน พวกเขาก็ไม่ค่อยมองเห็นผลดีอะไรจากการเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตก็เป็นได้
...ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งถูกต้อง (และความไม่ซื่อสัตย์เป็นสิ่งผิด) เพราะพระเจ้าคือความจริงที่แท้แน่นอน ความจริงและสัจจะนี้ไม่ใช่เพียงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ และก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่พระองค์ทรงมี ทว่าความจริงเป็นส่วนหนึ่งของพระลักษณะของพระองค์เอง!
...พระองค์คือ “พระเจ้าผู้ไม่ทรงมุสาเลย” (ทิตัส 1:2) อัครทูตเปาโลกล่าวว่า เมื่อพระเจ้าทรงสัญญาแล้วย่อมเชื่อได้ เพราะว่า “พระเจ้าจะไม่ตรัสมุสา” (ฮีบรู 6:18) จูวีนัล กวีชาวโรมัน กล่าวไว้ว่า แม้ว่าโลกนี้จะไร้เสียซึ่งความสัตย์ ก็ยังมีความจริงแท้ที่ใหญ่ยิ่งและถาวร ซึ่งจะไม่ผันแปรหรือเปลี่ยนแปลงแน่นอน
เพราะพระเจ้าคือความสัตย์จริง การกล่าวเท็จจึงขัดกับพระลักษณะของพระองค์ เพราะพระเจ้า คือ ความสัตย์จริง การคดโกงใด ๆ ก็คือการดูหมิ่นพระองค์ เพราะพระเจ้าคือความสัตย์จริง การขโมยข้าวของจึงเป็นการลบหลู่พระองค์ พระเจ้าทรงความสัตย์จริงไม่มีสิ่งใดเป็นเท็จในพระองค์เลย ธรรมชาติหรือพระลักษณะอันทรงความสัตย์จริงของพระองค์ จึงเป็นตัวกำหนดให้ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่ดีงาม และความไร้สัตย์ ความเทียมเท็จ การคดโกงและ การลักขโมย เป็นสิ่งชั่วร้าย
พระเจ้าคือความสัตย์จริงและสิ่งใดที่เป็นเหมือนพระลักษณะของพระองค์ย่อมดีงาม และสิ่งใดที่ขัดกับพระลักษณะย่อมชั่วช้าทั้งสิ้น ตัวผมเองอยากจะเป็นพ่อที่เป็นดังภาพเหมือนหรือเงาสะท้อนของพระบิดาเจ้า และเช่นเดียวกัน ผมอยากให้ลูก ๆ ของผมสะท้อนพระลักษณะของพระองค์ด้วย คือมีความซื่อสัตย์สุจริต ถือมั่นในความสัตย์จริงทุกอย่าง และอยากให้ลูก ๆ เข้าใจด้วยว่า สุภาษิตดั้งเดิมที่ว่าความซื่อสัตย์คือนโยบายที่ดีที่สุดนั้นจริง และจริงอย่างยิ่ง เพราะว่าความซื่อสัตย์เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า และยังเป็นพระลักษณะของพระองค์อีกด้วย ดังนั้นเมื่อลูกมั่นคงในความสัตย์ก็ทำให้คนอื่นได้เห็นภาพสะท้อนของพระเจ้าในตัวลูกด้วย
(โดย Josh McDowell สำนักพิมพ์กนกบรรณสาร)
...จากการวิจัยทราบว่า ปัจจุบันคนหนุ่มสาวชาวอเมริกันมองเห็นเรื่องการ “ไม่ซื่อ” นี้เป็นหนทาง “สะดวก” ที่จะก้าวไปข้างหน้า พวกเขาใช้การโกหกเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความเด่นให้เพื่อนฝูงประทับใจ หรือเพื่อให้พ่อแม่ชมเชย พวกเขาไม่สนใจเลยว่าสิ่งที่ทำไปเป็นความผิด คงเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีใครเห็นผลทางร้ายๆ ของการพูดเท็จและหลอกลวง และทำนองเดียวกัน พวกเขาก็ไม่ค่อยมองเห็นผลดีอะไรจากการเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตก็เป็นได้
...ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งถูกต้อง (และความไม่ซื่อสัตย์เป็นสิ่งผิด) เพราะพระเจ้าคือความจริงที่แท้แน่นอน ความจริงและสัจจะนี้ไม่ใช่เพียงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ และก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่พระองค์ทรงมี ทว่าความจริงเป็นส่วนหนึ่งของพระลักษณะของพระองค์เอง!
...พระองค์คือ “พระเจ้าผู้ไม่ทรงมุสาเลย” (ทิตัส 1:2) อัครทูตเปาโลกล่าวว่า เมื่อพระเจ้าทรงสัญญาแล้วย่อมเชื่อได้ เพราะว่า “พระเจ้าจะไม่ตรัสมุสา” (ฮีบรู 6:18) จูวีนัล กวีชาวโรมัน กล่าวไว้ว่า แม้ว่าโลกนี้จะไร้เสียซึ่งความสัตย์ ก็ยังมีความจริงแท้ที่ใหญ่ยิ่งและถาวร ซึ่งจะไม่ผันแปรหรือเปลี่ยนแปลงแน่นอน
เพราะพระเจ้าคือความสัตย์จริง การกล่าวเท็จจึงขัดกับพระลักษณะของพระองค์ เพราะพระเจ้า คือ ความสัตย์จริง การคดโกงใด ๆ ก็คือการดูหมิ่นพระองค์ เพราะพระเจ้าคือความสัตย์จริง การขโมยข้าวของจึงเป็นการลบหลู่พระองค์ พระเจ้าทรงความสัตย์จริงไม่มีสิ่งใดเป็นเท็จในพระองค์เลย ธรรมชาติหรือพระลักษณะอันทรงความสัตย์จริงของพระองค์ จึงเป็นตัวกำหนดให้ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่ดีงาม และความไร้สัตย์ ความเทียมเท็จ การคดโกงและ การลักขโมย เป็นสิ่งชั่วร้าย
พระเจ้าคือความสัตย์จริงและสิ่งใดที่เป็นเหมือนพระลักษณะของพระองค์ย่อมดีงาม และสิ่งใดที่ขัดกับพระลักษณะย่อมชั่วช้าทั้งสิ้น ตัวผมเองอยากจะเป็นพ่อที่เป็นดังภาพเหมือนหรือเงาสะท้อนของพระบิดาเจ้า และเช่นเดียวกัน ผมอยากให้ลูก ๆ ของผมสะท้อนพระลักษณะของพระองค์ด้วย คือมีความซื่อสัตย์สุจริต ถือมั่นในความสัตย์จริงทุกอย่าง และอยากให้ลูก ๆ เข้าใจด้วยว่า สุภาษิตดั้งเดิมที่ว่าความซื่อสัตย์คือนโยบายที่ดีที่สุดนั้นจริง และจริงอย่างยิ่ง เพราะว่าความซื่อสัตย์เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า และยังเป็นพระลักษณะของพระองค์อีกด้วย ดังนั้นเมื่อลูกมั่นคงในความสัตย์ก็ทำให้คนอื่นได้เห็นภาพสะท้อนของพระเจ้าในตัวลูกด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)